เดลินิวส์
รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงคะแนนแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ตของเด็กไทยที่ลดต่ำลงทุกช่วงชั้นว่า ประเทศไทยมีปัญหาการวัดและประเมินผลที่ถูกปล่อยปละละเลยมานาน โดยไม่มีการวัดและประเมินผลในห้องเรียน เมื่อสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) จัดทดสอบโอเน็ต ป.6, ม.3 และ ม.6 โดยใช้งบฯแต่ละปีจำนวนมาก เมื่อวัดผลเสร็จแล้ว กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กลับไม่ได้มีการนำผลไปใช้ ขณะเดียวกันแม้ผลโอเน็ตจะออกมาต่ำแค่ไหน เด็กก็ยังสามารถเลื่อนชั้นต่อไปได้ เพราะไม่มีใครสอบตก การศึกษาไทยจึงยับเยินและล้มเหลวมาตลอด อีกทั้งการสอบเข้าเรียนต่อม.1 ก็ใช้ข้อสอบของโรงเรียนนั้นเอง จึงทำให้การสอบโอเน็ตไม่ได้รับความสำคัญ แค่สอบให้ผ่าน ๆ ไปเท่านั้น
“จากที่ผมทำงานร่วมกับสภาเด็กทั่วประเทศ เด็กจะบ่นให้ฟังว่า ทุกวันนี้ไม่ได้เรียนในห้องเรียนอย่างเต็มที่ เพราะครูเอาเวลาไปทำผลงานทางวิชาการ ซึ่งผลที่ได้รับคือ ครูทั่วประเทศได้ขยับวิทยฐานะ ในขณะที่เด็กไทยทั้งประเทศสอบโอเน็ตตกหมด และใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ดังนั้นหากต้องการให้การปฏิรูปการศึกษารอบสองประสบความสำเร็จ สพฐ.กับ สทศ. ควรหารือร่วมกันและนำผลโอเน็ตไปใช้อย่างจริงจัง แต่หากไม่มีใครเห็นความสำคัญก็ควรยุบ สทศ.ไปดีกว่า” รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว
รศ.ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผอ.สทศ. กล่าวว่า ในการสอบโอเน็ต ป.6 และ ม.3 ปี 2553 สทศ.ใช้ข้อสอบแบบสั้น แต่ก็ครอบคลุมครบทุกมาตรฐานชี้วัด แต่อย่างไรก็ตามสพฐ.ได้ยืนยันว่าต้องการให้ สทศ.ใช้ข้อสอบแบบยาวเหมือนเดิม เพราะจะนำคะแนนไปใช้ในการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อ ม.1 และ ม.4 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ สพฐ. จะนำผลสอบโอเน็ตไปใช้ประโยชน์มากขึ้น แต่สิ่งที่สทศ.ต้องเร่งทำความเข้าใจกับสถานศึกษาคือการนำผลสอบโอเน็ตไปปรับ ปรุงคุณภาพการเรียนการสอนเพื่อยกระดับคะแนนโอเน็ตของสถานศึกษาในแต่ละปีให้ บรรลุเป้าหมายในปี 2561 ที่ต้องการให้คะแนนโอเน็ตของเด็กไทยได้เฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 50.
“จากที่ผมทำงานร่วมกับสภาเด็กทั่วประเทศ เด็กจะบ่นให้ฟังว่า ทุกวันนี้ไม่ได้เรียนในห้องเรียนอย่างเต็มที่ เพราะครูเอาเวลาไปทำผลงานทางวิชาการ ซึ่งผลที่ได้รับคือ ครูทั่วประเทศได้ขยับวิทยฐานะ ในขณะที่เด็กไทยทั้งประเทศสอบโอเน็ตตกหมด และใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ดังนั้นหากต้องการให้การปฏิรูปการศึกษารอบสองประสบความสำเร็จ สพฐ.กับ สทศ. ควรหารือร่วมกันและนำผลโอเน็ตไปใช้อย่างจริงจัง แต่หากไม่มีใครเห็นความสำคัญก็ควรยุบ สทศ.ไปดีกว่า” รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว
รศ.ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผอ.สทศ. กล่าวว่า ในการสอบโอเน็ต ป.6 และ ม.3 ปี 2553 สทศ.ใช้ข้อสอบแบบสั้น แต่ก็ครอบคลุมครบทุกมาตรฐานชี้วัด แต่อย่างไรก็ตามสพฐ.ได้ยืนยันว่าต้องการให้ สทศ.ใช้ข้อสอบแบบยาวเหมือนเดิม เพราะจะนำคะแนนไปใช้ในการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อ ม.1 และ ม.4 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ สพฐ. จะนำผลสอบโอเน็ตไปใช้ประโยชน์มากขึ้น แต่สิ่งที่สทศ.ต้องเร่งทำความเข้าใจกับสถานศึกษาคือการนำผลสอบโอเน็ตไปปรับ ปรุงคุณภาพการเรียนการสอนเพื่อยกระดับคะแนนโอเน็ตของสถานศึกษาในแต่ละปีให้ บรรลุเป้าหมายในปี 2561 ที่ต้องการให้คะแนนโอเน็ตของเด็กไทยได้เฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 50.
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=42&contentID=133273
+++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น