วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

แฉมหา'ลัยดังสั่งถอนปริญญาตรี

จำนวนกว่า 2,377 ราย หลังข้อมูลไม่ตรงกัน
มหาวิทยาลัยชื่อย่อ "อ." ร้อนตัว สั่งถอนใบปริญญาตรี 2,377 ราย หลัง “คุรุสภา” ปูดข้อมูลบัณฑิตไม่ตรงกัน
ขณะที่ “ไชยยศ” นำคณะกรรมการฯ ลงพื้นที่ขอนแก่น ตรวจโรงเรียนที่ถูกอ้างเป็นสถานที่ฝึกสอนของคนจบ ป.บัณฑิตวิชาชีพครู
เจอข้อมูลเพียบ เกือบทุกโรงเรียน ยัน ไม่มีรับครูฝึกสอนจากมหาวิทยาลัยตามข่าว นัดแถลงเปิดชื่อมหาวิทยาลัย-ข้อมูล 26 เม.ย.นี้
ชี้ มีข้อมูลเอาผิดได้ทั้งทางวินัย-อาญา ส่วนการสอบครู ยังเดินหน้าต่อ เผย มีผู้สมัคร 95,885 คน นัดสอบ 77 เขต 25-28
เม.ย.นี้ ประกาศผลภายใน 6 พ.ค.นี้ ด้าน “ราชภัฏธนบุรี” โวยหลังคุรุสภาปล่อยข่าวทำสถาบันเสียชื่อเสียง
ยันไม่เกี่ยวข้องซื้อขายใบวุฒิ
จากกรณีเปิดโปงขบวนการซื้อขายใบประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู หรือ ป.บัณฑิต วิชาชีพครู
ของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีอักษร “อ” นำหน้านั้น เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 25 เม.ย.
นายไชยยศ จิรเมธากร รมช.ศึกษาธิการ พร้อม นายองค์กร อมรสิรินันท์ เลขาธิการคุรุสภา นายสุเมธ แย้มนุ่น
เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)
และคณะกรรมการดำเนินการติดตามตรวจสอบกระบวนการจัดการเรียนการสอนประกาศนีย บัตรบัณฑิตวิชาชีพครู
เดินทางมายังโรงเรียนบ้านนาก้านเหลือง ต.ภูเวียง อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น เพื่อขอตรวจสอบหาข้อเท็จจริงกรณีมีนักศึกษา 4 คน
มาขอทำการฝึกสอนใน รร.บ้านนาก้านเหลือง
นายวีระศักดิ์ สาระผล ผอ.รร.บ้านนาก้านเหลือง ชี้แจงว่า ปีการศึกษา 2553 ที่ผ่านมา
ไม่มีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยดังกล่าวเข้ามาฝึกสอนที่ รร.บ้านนาก้านเหลือง แม้แต่คนเดียว ที่มหาวิทยาลัยดังกล่าวแจ้งชื่อไป 4
คน จึงไม่ทราบว่าชื่อนักศึกษาจำนวนนั้นไปมีชื่อแจ้งจบ ป.บัณฑิตอยู่ในคุรุสภาได้อย่างไร หลังจากนั้นคณะนายไชยยศ
เดินทางมายังที่ห้องประชุมสิริคุณากร 2 สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อประชุมสรุปข้อมูลต่าง ๆ
ที่ได้มาจากการลงพื้นที่ตรวจสอบโรงเรียนต่าง ๆ ในสังกัด สพฐ.ขอนแก่น ของคณะกรรมการดำเนินการติดตามตรวจสอบฯ
ใช้เวลาประชุมนาน 2 ชม. จึงเสร็จสิ้น
นายไชยยศ แถลงว่า ตนและคณะกรรมการมาตรวจสอบโรงเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งอ้างออกใบวุฒิ
ป.บัณฑิตไปที่คุรุสภาเพราะเป็นโรงเรียนที่นักศึกษาได้ฝึกสอน
มหาวิทยาลัยได้แจ้งไปยังคุรุสภาว่านักศึกษาเรียนจบตามหลักสูตรในมหาวิทยาลัย และผ่านการฝึกสอนในโรงเรียนสังกัด สพฐ.
มีหลายโรงเรียนได้ยืนยันว่าไม่ได้มีการส่งนักศึกษามาฝึกสอนจริงตามที่ มหาวิทยาลัยดังกล่าวอ้างมา
โดยคณะกรรมการสุ่มตัวอย่างไป 54 โรงเรียนที่มหาวิทยาลัยแจ้งมาที่คุรุสภา มี 23 โรงเรียนบอกว่าไม่เคยรับนักศึกษาไปฝึกสอน
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า ใน 23 โรงเรียนที่ถูกมหาวิทยาลัยอ้างถึงได้มีตัวเลขนักศึกษาฝึกสอนเพิ่มขึ้นมา 80 คน
ที่ถูกส่งชื่อมาที่คุรุสภาว่าเรียนจบวุฒิ ป.บัณฑิต พร้อมกับได้พบว่าการกล่าวอ้างของอาจารย์ผู้สอนในมหาวิทยาลัยดังกล่าวที่ได้
ให้เกรดนักศึกษาที่เรียนจบ ป.บัณฑิตส่งชื่อมาที่คุรุสภาได้มีจำนวนนักศึกษาที่มีตัวเลขผู้จบ
ป.บัณฑิตไม่ตรงกับนักศึกษาของอาจารย์ที่ให้เกรดเรียนจบในมหาวิทยาลัยแห่ง นั้น คือ 60 คน
และมีขบวนการมหาวิทยาลัยดังกล่าวขออนุมัติจบหลักสูตร ป.บัณฑิต จาก สกอ. ได้ขอผลิตบัณฑิตในสาขา ป.บัณฑิต 100 คน
แต่แจ้งจบปริญญาจริง 2,377 คน แต่แจ้งมาที่คุรุสภา 1,349 คน ในส่วนคณะกรรมการมาตรวจพบแจ้งจบปริญญา คือ
เลขประจำตัวนักศึกษาซ้ำกัน
“นอกจากนี้พบว่ามาตรฐานการเงินที่ทำงานเป็นระบบบริหารในมหาวิทยาลัยล้มเหลว มีการแยกใบเสร็จไปไว้ในที่ต่าง ๆ
และมหาวิทยาลัยดังกล่าวเมื่อถูกถามผลการเรียนของนักศึกษา ป.บัณฑิต ก็อ้างว่าเผาไปแล้ว เมื่อคณะกรรมการมาตรวจสอบเอง
คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยดังกล่าวไปให้ปากคำที่คุรุสภา เป็นที่แน่ชัดให้เป็นข้อมูลว่า นักศึกษาที่เรียนจบ ป.บัณฑิต
จากมหาวิทยาลัยแห่งนั้นไม่ได้เข้าสู่กระบวนการเรียนการสอนเพื่อต้องการใบ ป.บัณฑิต
โดยคณะกรรมการรู้ตัวว่าใครเป็นผู้ชำระเงิน ชำระเงินกับใคร โดยในวันนี้ได้มาที่ จ.ขอนแก่น
ผู้บริหารมหาวิทยาลัยบอกกับคณะกรรมการว่าจะนำอาจารย์ผู้รับเงิน เจ้าหน้าที่รับเงิน มาให้ปากคำกับคณะกรรมการก็ไม่พามา
โดยอ้างว่าตามตัวไม่พบ” นายไชยยศ กล่าว
นายไชยยศ กล่าวต่อว่า ขอแจ้งว่ากรณีที่มหาวิทยาลัยดังกล่าวแจ้งจบปริญญาให้คุรุสภา 2,377 คน
และทางมหาวิทยาลัยแจ้งมาเมื่อ 2 วันที่ผ่านมากับคุรุสภาอีกว่าบัณฑิต 2,377 คน หรือ 1,349 คน
ที่ได้เสนอชื่อแจ้งจบไปที่คุรุสภา และอีก 600 คน ได้รับ ป.บัณฑิตไปด้วย มหาวิทยาลัยดังกล่าวขอยกเลิกปริญญาทั้งหมด
เพราะเป็นการส่งไปโดยไม่ได้ผ่านไปทางสภาของมหาวิทยาลัยดังกล่าว ใบอนุญาตปริญญา และ ป.บัณฑิต
ของมหาวิทยาลัยดังกล่าวจึงถือว่าเป็นโมฆะ ขณะนี้ข้อมูลการซื้อขายวุฒิ ป.บัณฑิต
มีมากขึ้นและชัดเจนสามารถเอาผิดกับมหาวิทยาลัยดังกล่าวได้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ เพราะต้องรอสรุปข้อมูลอีกครั้งหนึ่ง
จึงจะเปิดชื่อมหาวิทยาลัยได้พร้อมกับเอาผิด โดยมีการพิจารณาหรือควบคุมเพื่อเพิกถอนใบอนุญาต หรือจะเป็นการภาคทัณฑ์
หรือขอเอกสารเพิ่มเติม หรือตั้งกรรมการควบคุม
รมช.ศึกษาธิการ เผยอีกว่า นอกจากนี้คดีการซื้อขายใบ ป.บัณฑิต ถือเป็นคดีทางแพ่งและทางอาญา
จะต้องส่งให้กระบวนการฝ่ายเจ้าหน้าที่เอาผิดตามกฎหมายมีอย่างแน่นอน
ต้องรอตรวจสอบก่อนว่าข้อมูลที่มีอยู่เป็นมูลฐานความผิดประเภทไหน และตามความผิดของ ดีเอสไอ
ต้องเข้ามาสืบสวนสอบสวนเอาผิดตามกฎหมายหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การสอบสวนของคณะกรรมการฯ ได้มาตรวจสอบที่
จ.ขอนแก่น ตามที่นักศึกษาอ้างถึง ส่วนชื่อมหาวิทยาลัยอะไรยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้
เพราะเป็นห่วงบัณฑิตที่จบจากมหาวิทยาลัยดังกล่าว ที่มาจากสาขาต่าง ๆ ที่เรียนจบไปจริง
และอยู่ในระหว่างการพิจารณาได้รับเข้าทำงานตามสถานที่ต่าง ๆ
จะได้รับผลกระทบอย่างมากในวุฒิปริญญาของมหาวิทยาลัยดังกล่าว โดยในวันที่ 26 เม.ย.นี้ เวลา 13.30 น.
จะแถลงผลสรุปที่สอบแล้วว่ามีมูลความผิด ที่ สกอ.อย่างละเอียดต่อไป
ผศ.ลักขณา บรรพกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) ธนบุรี กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าคุรุสภา
กำลังตรวจสอบมหาวิทยาลัย 3 แห่งที่ผลิตบัณฑิต ป.บัณฑิตมากกว่า 1,500 คนต่อปี
และคุรุสภายังไม่อนุมัติออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูให้ ซึ่ง 1 ใน 3
แห่งถูกระบุว่าเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏที่ตั้งอยู่ในเขตธนบุรีว่า ขณะนี้ มรภ.ธนบุรีได้รับผลกระทบจากข่าวดังกล่าว
เนื่องจากหลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่กำลังถูกตรวจสอบจากคุรุสภา ทั้งที่จริง ๆ แล้ว มรภ.ธนบุรี
ไม่ใช่มหาวิทยาลัยที่ถูกกล่าวถึง แต่เป็นเพราะข่าวระบุว่า มรภ.ดังกล่าวตั้งอยู่ฝั่งธนบุรี ทำให้ทุกคนเข้าใจผิด อย่างไรก็ตาม
ตนขอย้ำว่ามหาวิทยาลัยที่ถูกกล่าวถึงไม่ใช่ มรภ.ธนบุรี แม้ว่า มรภ.ธนบุรีจะเปิดสอน ป.บัณฑิต แต่รับนักศึกษาปีละประมาณ
200 คนเท่านั้น และนักศึกษาทุกคนได้ผ่านการรับรองจากคุรุสภาแล้ว
นายเสน่ห์ ขาวโต รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)
กล่าวถึงการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการ
ครูและบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งครูผู้ช่วยในโรงเรียนสังกัด สพฐ.ประจำปีการศึกษา 2554 ว่า ทาง
สพฐ.ยังให้สิทธิทุกคนที่สอบได้ในการบรรจุเป็นครูผู้ช่วย แต่หากมีการตรวจพบในภายหลังว่าใบ
ป.บัณฑิตที่ได้รับมาไม่ถูกต้องจนทำให้คุรุสภาสั่งเพิกถอนใบอนุญาตฯ ทาง สพฐ.ก็จะให้ครูคนดังกล่าวออกจากราชการ
ดังนั้นในขณะนี้สพฐ.คงไม่สั่งชะลอการสอบบรรจุแต่อย่างใดเพราะจะกระทบต่อคน หมู่มาก
สำหรับการสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทาง การศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย เมื่อวันที่ 4-10
เม.ย. ที่ผ่านมามียอดรวมผู้สมัครทั้งสิ้น 95,885 คน โดยมีเขตพื้นที่การศึกษาที่เปิดสอบ 77 เขต มีการสอบวันที่ 25-28
เม.ย. และจะประกาศผลภายในวันที่ 6 พ.ค.นี้.
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?
page=content&categoryId=42&contentID=134972
++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น