วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

เมื่อผู้รู้ระบุ "โฮมสคูล" มีปัญหา

 จากความล้มเหลวของระบบการศึกษาไทย ที่ไม่ว่าจะเปลี่ยนรัฐมนตรีมากี่หน้า เปลี่ยนรัฐบาลมากี่ยุค ก็ยังไม่มีใครมีความตั้งใจจริงมากพอที่จะแก้ไขปัญหานี้ให้กับประชาชนได้ เชื่อว่าคงทำให้คุณพ่อคุณแม่ส่วนหนึ่งหันไปสนใจการจัดการเรียนการสอนแบบ "โฮมสคูล" กันมากขึ้น พร้อม ๆ กับความหวังว่าจะทำให้ลูก ๆ มีโอกาสเรียนรู้ในสิ่งที่เหมาะสม และสอดคล้องกับความต้องการของเด็กได้มากกว่าการเรียนการสอนในระบบปัจจุบัน
      
       
ทว่า ปัญหาของการจัดการศึกษาแบบโฮมสคูลเองก็มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการจดทะเบียนที่ยุ่งยาก ขาดการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ จากภาครัฐ ตลอดจนขาดความรู้ความเข้าใจจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทำให้รูปแบบการเรียนการสอนดังกล่าว ไม่อาจประสบผลสำเร็จได้ดังที่คาด
      
       
นายชาตรี เนาวธีรนนท์ นายกสมาคมบ้านเรียนไทย เปิดเผยในเวทีสัมมนาเรื่อง ก้าวแรกและก้าวใหม่ ก้าวอย่างไร สู่บ้านเรียนว่า การจัดการศึกษาแบบโฮมสคูล ยังมีปัญหาและอุปสรรคเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะปัญหาที่ต้องจัดหลักสูตรการศึกษา การประเมินผล ตามมาตรฐานที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ซึ่งถือเป็นอุปสรรคอย่างมาก เพราะการจัดศึกษาของทั้งสองระบบมีความแตกต่างกัน จึงควรให้มีความยืดหยุ่นมากกว่านี้
      
       
นอกจากนี้ครอบครัวที่จัดการศึกษาทางเลือกยังไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากกระทรวงศึกษาธิการ อาทิ เงินอุดหนุนที่ยังน้อยเกินไป ทั้ง ๆ ที่การจัดการศึกษาแบบโฮมสคูลนั้นมีค่าใช้จ่ายสูง และถือเป็นการช่วยลดภาระของรัฐบาล อีกทั้งการสนับสนุนแหล่งเรียนรู้ในระบบ เช่น ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ ฯลฯ ยังไม่เพียงพอ หากเด็กจะขอเข้าไปใช้บริการ ต้องมีการทำหนังสือขออนุญาต ทำให้หลายครอบครัวต้องไปแสวงหาแหล่งเรียนรู้ที่อื่นเอาเอง จึงอยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแลในส่วนนี้ด้วย
      
       
ปัจจุบันมีครอบครัวที่ขอจดทะเบียนจัดการศึกษาแบบโฮมสคูล ต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตามกฏกระทรวงการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยครอบครัว พ.ศ.2547 จำนวน 101 ครอบครัว มีนักเรียนจำนวน 203 คนเท่านั้น ซึ่งเชื่อว่าหากสามารถปรับแก้ความยุ่งยาก และอุปสรรคต่าง ๆ ให้หมดไปได้ ในอนาคตจะมีครอบครัวใหม่ๆ ที่สนใจจะจัดการศึกษาเองเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
      
       
ด้านนางสุทธศรี วงษ์สมาน รองเลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวยอมรับว่าการดำเนินการขอจดทะเบียนจัดการศึกษาโดยครอบครัว มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ผู้ขอจำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อม ในการจัดทำแผนการศึกษา มีการวัดผล ประเมินผลตามมาตรฐานของกระทรวงฯ ซึ่งสภาการศึกษาจะนำปัญหาต่าง ๆ ไปพัฒนาปรับปรุงเพื่อลดความยุ่งยาก ผู้ปกครองสามารถจัดการศึกษาได้ด้วยตนเอง ทั้งนี้ปัจจุบันมีหลายครอบครัว ที่ประสบความสำเร็จ เด็กสามารถเข้าเรียนต่อในระดับสูงเป็นจำนวนมาก
      
       “
เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องสนับสนุนให้มีการจัดการศึกษาทางเลือก ไม่จำเป็นต้องมีแค่การศึกษาในระบบ ซึ่งการศึกษาโดยครอบครัว มีจุดเด่นที่ผู้สอน หรือผู้ปกครอง จะมีความใกลชิดกับเด็กมากที่สุด สามารถฝึกให้เด็ก เรียนรู้ ฝึกคิด วิเคราะห์ด้วยตัวเอง ได้ง่ายกว่าการเรียนในห้องสี่เหลี่ยม และยังช่วยให้สามารถดึงศักยภาพของเด็กออกมาได้อย่างเต็มที่ เพราะผู้ปกครองจะรู้ว่าเด็ก มีความสามารถ จุดเด่น ตรงไหน อย่างไร เพื่อส่งเสริมพัฒนาศักยภาพตรงนั้นได้อย่างเต็มที่นางสุทธศรี กล่าว
      
       
ด้านนางปทุมรัตน์ เหรียญไพศาล รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า มีการร้องเรียนจากครอบครัวที่ต้องการจัดการศึกษา และที่ต้องการให้กระทรวงศึกษาธิการปรับปรุงแก้ไข ได้แก่ ปัญหาเรื่องหลักสูตรการเรียนการสอนที่กำหนดไว้ ไม่สอดคล้องกับกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน ปัญหาการจัดประเมินผลผู้เรียนที่ยังขาดความยืดหยุ่น ปัญหาการเทียบโอนผลการเรียน และปัญหาการให้บริการจัดการศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่ยังขาดความเข้าใจ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการจะได้นำปัญหาไปทำแผนพัฒนานโยบายปรับปรุงต่อไป นอกจากนี้ยังต้องพัฒนาระบบการรองรับเด็กนักเรียนที่มาจากระบบการศึกษาทางเลือกและมีความประสงค์จะเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา ระดับอาชีวะ เพื่อส่งให้เด็ก ไปถึงจุดสูงสุดที่เขาจะไปได้
      
       
อย่างไรก็ตามผู้ปกครองที่มีความประสงค์จะจัดการศึกษาด้วยตัวเองให้กับเด็ก แต่กลัวว่าจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากกระทรวงศึกษาธิการ อาทิ เงินอุดหนุนรายหัว เครื่องแบบนักเรียน อุปกรณ์นักเรียน หนังสือเรียน หรือกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เหมือนกับเด็กนักเรียนในระบบทั่วไปนั้น นางปทุมรัตน์ยืนยันว่าเด็กทุกคนจะได้รับสิทธิประโยชน์เช่นดียวกัน โดยผู้ปกครองสามารถติดต่อขอรับสิทธิ์ดังกล่าวได้ที่สำนักงานเขตการศึกษาในพื้นที่
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น