วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

ขจัดเลือกปฏิบัติต่อคนพิการให้โอกาสพัฒนาอยู่รอด

คมชัดลึก :“การ ที่คนพิการได้มีโอกาสทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง และครอบครัวได้นั้น
ถือว่าเป็นการช่วยเหลือคนพิการอย่างยั่งยืน แต่พวกเขาจะได้รับโอกาสนั้นหรือไม่
ก็ต้องขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกภาคส่วนในสังคมด้วย”
กิ่งแก้ว อินหว่าง เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.)
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าว
เลขาธิการ พก. บอกว่า ขณะนี้มี พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550
กำหนดให้สถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 200 คนขึ้นไป รับคนพิการเข้าทำงานในอัตราส่วนพนักงานปกติ
200 คน ต่อคนพิการ 1 คน แล้วก็ตามแต่ก็พบว่ายังมีการหลีกเลี่ยงไม่รับคนพิการเข้าทำงาน
หรือนายจ้างยอมจ่ายเงินเข้ากองทุนคนพิการแทนการจ้างงานคนพิการ
นอกจากนี้ สถานประกอบการหลายแห่งยังมีการหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามกฎหมาย โดยการประกาศรับสมัครคนพิการเข้าทำงาน
แต่กำหนดคุณสมบัติไว้สูงมาก จนไม่มีคนพิการสามารถผ่านด่านเข้าไปได้แม้แต่คนเดียว แม้ว่า
พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550
กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงกำหนดสัดส่วนการจ้างงานคนพิการ
และให้กำหนดจำนวนเงินที่นายจ้างต้องจ่ายเข้ากองทุนกรณีไม่ประสงค์จะจ้างคนพิการเข้าทำงานเท่านั้น ดังนั้น
นายจ้างที่มีจำนวนลูกจ้างเข้าข่ายตามกฎหมายต้องเลือกทางใดทางหนึ่งระหว่างการจ้างงานคนพิการ การจ่ายเงินเข้ากองทุน
หรือการจัดให้มีสัมปทานจัดพื้นที่ให้คนพิการค้าขาย หรือซื้อสินค้าจากคนพิการ
“พก.ได้รับการร้องเรียนจากคนพิการรายหนึ่งซึ่งทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวของโรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่
แห่งหนึ่งในภาคอีสานมานานกว่า 15 ปี ตลอดเวลาที่ทำงานได้ช่วยงานของโรงพยาบาลได้มากมาย
จนได้รับรางวัลเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกให้กับคนพิการ และเธอก็ได้รับรางวัลคนพิการดีเด่นมากมาย
แต่กลับไม่ได้รับการเหลียวแลจากผู้บริหาร
โดยเมื่อมีการสอบบรรจุเข้าเป็นพนักงานราชการก็ให้เธอสมัครเข้าสอบร่วมกับบุคคลปกติทั่วไป
ซึ่งผลการสอบเธอพลาดโอกาสที่จะได้บรรจุเข้าทำงาน” เลขาธิการ พก. กล่าว
เลขาธิการ พก.ยอมรับว่าการหาทางช่วยเหลือคนพิการ แต่ละเรื่องประสบความสำเร็จยากมาก
เพราะคนไทยใหญ่มีทัศนคติว่าคนพิการคือคนที่เมาแล้วขับ หรือพิการจากอุบัติเหตุ
ต่างจากคนพิการในหลายประเทศแถบยุโรปที่พิการจากการไปเป็นทหารสู้รบในสงคราม
ซึ่งจะได้รับเกียรติและการดูแลจากสังคมมากกว่า
"คนพิการส่วนใหญ่ที่เกิดจากอุบัติเหตุนั้น ไม่ใช่คนเมาแล้วขับเสมอไป คนเหล่านี้คือเหยื่อเพราะพวกเขาขี่รถจักรยานยนต์
หรือไม่ก็เป็นคนเดินถนน ที่ถูกรถใหญ่เข้ามาเฉี่ยวชนจนเกิดความสูญเสียขึ้น
ยอมรับว่าภาพลักษณ์คนพิการในประเทศไทยเป็นอย่างนี้ ทำให้การผลักดันนโยบายหลายๆ อย่างเป็นไปด้วยความยากลำบาก
ประกอบกับคนส่วนใหญ่ไม่ใช่คนพิการ ไม่มีญาติพี่น้องเป็นคนพิการ จึงไม่เข้าใจถึงความยากลำบาก
และไม่เข้าใจว่าคนพิการต้องการอะไร" เลขาธิการ พก.กล่าว
แม้ว่าคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
จะมอบให้กระทรวงแรงงาน ออกกฎกระทรวงตามมาตรา 33 มาตรา 34 พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
พ.ศ.2550 เพิ่มสัดส่วนการรับคนพิการเข้าทำงานให้มากขึ้น จากเดิม 200 : 1 เป็น 100 : 1
และให้ครอบคลุมไปถึงหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองท้องถิ่นด้วย คาดว่าอีก 6 เดือนจะมีผลบังคับใช้
แต่หน่วยงานของรัฐรวมถึงรัฐวิสาหกิจที่มีอยู่ 73 แห่ง
มีระเบียบว่าด้วยการบริหารบุคคลของหน่วยงานระบุไว้ชัดเจนว่าไม่รับผู้พิการหรือทุพพลภาพเข้าทำงาน พก.
จึงต้องเสนอคณะรัฐมนตรีแก้ไขระเบียบที่กีดกันหรือเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการ
เพราะแม้ว่ากฎกระทรวงแรงงานฉบับใหม่มีผลบังคับใช้
แต่ระเบียบของรัฐวิสาหกิจไม่เปิดรับคนพิการเข้าทำงานก็เท่ากับว่าไม่บรรลุวัตถุประสงค์กฎหมาย
รวมทั้งสำนักงาน ก.พ. ปรับเปลี่ยนวิธีการรับคนพิการเข้าเป็นข้าราชการหรือพนักงานราชการเช่นกัน
โดยเปิดรับสมัครและจัดสอบแข่งขันเฉพาะของกลุ่มคนพิการ
ซึ่งที่ผ่านมาคนพิการเสียเปรียบเพราะต้องไปสอบแข่งขันรวมกับบุคคลทั่วไป
ปัจจุบัน พก. ได้รับการร้องเรียนจากคนพิการว่า ได้รับการเลือกปฏิบัติ โดยไม่เป็นธรรมถึง 8 ประเด็น อาทิ
1.การจ้างงานและอาชีพ 2.การศึกษา 3.การใช้สินค้าหรือบริการ 4.อาคารสถานที่การคมนาคมขนส่ง 5.การให้บริการทางสังคม
เช่น การแพทย์ สวัสดิการสังคม 6.การเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม หรือชมรม การเข้าถึงนโยบาย หรือแผนงาน หรือโครงการต่างๆ
7.การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เทคโนโลยี 8.การละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยมีประเด็นการเลือกปฏิบัติในการรับเข้าทำงานมากที่สุด
จะว่าไปแล้วหากทุกภาคส่วนในสังคมร่วมมือกันเปิดโอกาสให้คนพิการได้เข้าทำงานจะส่งผลดีทั้งกับคนพิการเองและสังคม
เพราะหากพวกเขาสามารถดูแลตัวเองได้ก็จะไม่ถูกมองว่าเป็นภาระของสังคมอีกต่อไป เพราะจริงๆ
แล้วมีคนพิการหลายคนที่มีความสามารถมากกว่าการขายลอตเตอรี่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น