นายบุญชัย เงาวิศิษฎ์กุล รองผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้รับผลกระทบจากปัญหาซัพพลายขาดทั่วโลกซึ่งเป็นผลจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่น โดยเฉพาะเทคโนโลยีหน้าจอสัมผัสที่ผลิตได้แห่งเดียวที่ญี่ปุ่น โดยเอเซอร์ใช้ในผลิตภัณฑ์แทบเล็ตเท่านั้น ทำให้การวางตลาดสินค้าใหม่ล่าช้าออกไป
อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าสถานการณ์จะเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้ปลายไตรมาสนี้
เขาระบุว่า ปีนี้ตลาดแทบเล็ตมีแนวโน้มการเติบโตสูงมากกว่าสินค้าไอทีกลุ่มอื่นๆ โดยในตลาดโลกคาดการณ์ตลาดแทบเล็ตปีนี้เติบโตราว 160% ขณะที่เน็ตบุ๊คจะเติบโตเพียง 13% ส่วนโน้ตบุ๊คโต 34% และสมาร์ทโฟนโต 29%
ทั้งนี้เนื่องจากเป็นช่วงที่แพลตฟอร์มแอนดรอยด์สำหรับแทบเล็ตเพิ่งเริ่มออกสู่ตลาด (ฮันนี่ คอมบ์) ซึ่งคาดว่า ช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มเห็นแทบเล็ตแบรนด์ต่างๆ เข้าสู่ตลาดมากขึ้น โดยจะมีแพลตฟอร์มไอโอเอส วินโดว์ส และแอนดรอยด์เป็นท็อปทรีในตลาด
นายบุญชัยระบุว่า จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้บริษัทเริ่มปรับราคาเน็ตบุ๊คลง 10% เหลือต่ำกว่า 1 หมื่นบาท ถึง 1 หมื่นต้นๆ รองรับการทำตลาดแทบเล็ต ซึ่งคาดว่าจะเป็นสินค้าที่เติบโตสูงสุดในปีนี้ ยอดขายในตลาดรวมจะมีมากกว่า 2-3 แสนเครื่อง เอเซอร์ตั้งเป้าไว้ 8 หมื่นเครื่อง และยืนยันจะทำตลาดเน็ตบุ๊คต่อไปสำหรับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม
นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด เอเซอร์ กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทเปิดตัวแทบเล็ต "ไอโคเนีย แทบ เอ500" ขนาด 10.1 นิ้ว บนแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ 3.0 โดยวางโพสิชั่นเป็นสินค้าทางเลือกให้ลูกค้า เนื่องจากมีลักษณะทำงานใกล้เคียงกับโน้ตบุ๊ค รองรับไวไฟ ราคาเริ่มต้น 1.79 หมื่นบาท ส่วนรุ่น 3จี และรุ่นขนาด 7 นิ้วจะเริ่มเข้าตลาดในช่วงไตรมาส 2 นี้
ทั้งนี้บริษัทคาดว่าสินค้าแทบเล็ตจะช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจกลุ่มพีซีและโน้ตบุ๊คราว 20% จากปัจจุบันธุรกิจดังกล่าวทำรายได้คิดเป็นสัดส่วน 60% ของยอดขายเอเซอร์ทั้งหมด
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น