วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

"ชินวรณ์" ยันสถาบันอาชีวะ4ภาคไม่ขัด ก.ม.

เปิดนโนบาย"แบรนด์อาชีวะสร้างชาติ"มุ่งพัฒนาผู้เรียนไปสู่มาตรฐานวิชาชีพ
และตลาดแรงงานสากล

วันที่ 27 เม.ย.54 นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้เห็นชอบในหลักการร่างกฎกระทรวงเพื่อจัดตั้ง

สถาบันการอาชีวศึกษา4 ฉบับ ซึ่งเป็นการจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษานำร่อง ใน
4 ภูมิภาค ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอนั้น เป็นการจัดตั้งสถาบันใหม่
จากการปรับปรุงวิทยาลัยอาชีวศึกษาเดิม ตามมาตรา 14 แห่ง
พ.ร.บ.การอาชีวศึกษา พ.ศ.2551 ซึ่งมุ่งเน้นความเป็นเลิศเฉพาะทาง โดย
ครม.ให้ ศธ.ไปดำเนินการจัดทำแผนการจัดตั้งให้ชัดเจน เพื่อให้เป็นไปตาม
พ.ร.บ.การอาชีวศึกษา และให้สามารถเปิดรับนักศึกษาได้ในปีการศึกษา 2555 ทั้งนี้
การจัดตั้งสถาบันอาชีวศึกษาใหม่นี้ เป็นการจัดตั้งตามความจำเป็นเร่งด่วน

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า ส่วน ที่เกรงว่าร่างกฎกระทรวง 4
ฉบับ นี้จะขัดกับร่างกฎกระทรวงการจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา
ที่ผ่านคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(บอร์ด กอศ.) มาก่อนหน้านี้
คงไม่ขัดเพราะร่างฯ ดังกล่าวได้ถูกถอนออกไปแล้ว
อีกทั้งได้ผ่านความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะ
เป็นคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) สำนักงบประมาณ
และสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ต่างเห็นตรงกันว่าการจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษากลุ่มจังหวัด
โดยร่วมการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการจัดอาชีวศึกษา
นั้น เป็นแนวทางที่นำไปสู่การเสริมสร้างมาตรฐานคุณภาพ
การผลิตกำลังคนด้านอาชีวศึกษาให้มีเอกภาพ
และเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการกระจายอำนาจ โดยระยะแรก
เห็นควรมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกำลังคนด้านช่างเทคนิค
ช่างฝีมือให้มีคุณภาพและมีสมรรถนะเพิ่มขึ้น
เพื่อสนับสนุนการพัฒนาในกลุ่มจังหวัดและในระดับประเทศ

ด้าน น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.ศึกษาธิการ กล่าว
ถึงโครงการส่งเสริมภาพลักษณ์ของ สอศ.ว่า
นักเรียนอาชีวะเป็นกลุ่มสำคัญสำหรับผลักดันระบบเศรษฐกิจไทย
เปรียบเสมือนเพชรที่รอการเจียระไน แต่ปัญหาของอาชีวศึกษายังมีปัญหาอีกหลายด้าน
โดยโครงการนี้จะทำการปรับโฉมอาชีวะใหม่ โดยมุ่งพัฒนาใน 4 ด้านหลัก ประกอบด้วย
คุณภาพนักศึกษา ครูอาชีวะยุคใหม่ สถานศึกษา และการบริหารจัดการใหม่

"การปรับภาพลักษณ์ของการศึกษาอาชีวะ
ต้องเริ่มจากความเข้าใจของผู้เรียน ผู้ปกครอง และคนในสังคม โดยชี้ให้เห็นว่า
ช่างฝีมือ ไม่ได้เป็นเพียงความรู้พื้นฐานที่ทุกคนสามารถเรียนรู้เองได้
อย่างการทำอาหาร ซ่อมรถ เย็บผ้า ฯลฯ แต่ช่างฝีมือ
คือ ผู้ที่มีความรู้ในสาขาวิชาของตนเองอย่างถ่องแท้
สามารถใช้ในการประกอบอาชีพ
และต่อยอดสู่การเป็นเจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบการในระดับ SMEs ได้
โดยมีจรรยาบรรณของสายอาชีพนั้นๆ คอยกำกับดูแล"

น.ส.นริศรา กล่าวและว่า ขณะเดียวกัน จะมีการผลักดันให้เกิดคุณวุฒิวิชาชีพภายใน
2 ปีนี้ เพื่อรับรองมาตรฐานให้แก่ผู้เรียนสายอาชีพทั้งในและนอกระบบ
ก้าวสู่มาตรฐานตลาดแรงงานสากล ต่อไปผู้ที่เรียนจบอาชีวศึกษาจะเป็นผู้มีคุณภาพ
มีรายได้ดี และเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานทั้งในและต่างประเทศ

http://www.siamrath.co.th/web/?q=node/54157
+++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น