วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

'เควิน เทอร์เนอร์'นำไมโครซอฟท์บุกเอเชีย ที่สุดของตลาดโลก

จากวันนั้น ถึงวันนี้ ผู้บริหารระดับสูงจาก "เรดมอนด์" ก็มีโอกาสมาเยือนไทยอีกคน
ครั้งนี้เป็นคิวของ "เควิน เทอร์เนอร์" หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ (ซีโอโอ) ไมโครซอฟท์ โดยมีภารกิจหลักความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างไมโครซอฟท์ และทรู คอร์ปอเรชั่น ด้วยโปรเจคยักษ์ "คลาวด์ คอมพิวติ้ง" และได้ให้สัมภาษณ์พิเศษ "สุทธิชัย หยุ่น" บรรณาธิการเครือเนชั่น ถึงภารกิจนี้ รวมถึงการเดินสายโปรโมท "คลาวด์" ซึ่งจะเป็นยุทธศาสตร์หลักของไมโครซอฟท์นับจากนี้ ท่ามกลางการแข่งขันอย่างดุเดือดบนสมรภูมิเทคโนโลยี ที่วันนี้ "วินโดว์ส" อาจไม่ใช่ตัวเลือกแรก และตัวเลือกเดียวของคนทั่วโลกอีกต่อไป
"โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคของคลาวด์ คอมพิวติ้งอย่างรวดเร็ว หากคุณดูการเปลี่ยนแปลงของตลาด จะเห็นว่าเปลี่ยนไปพร้อมๆ กับคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ต แต่ปัจจุบันสิ่งที่จะเข้ามาเปลี่ยนตลาดได้อีกนั่นคือ คลาวด์ คอมพิวติ้ง เราได้เปิดตัวคลาวด์ คอมพิวติ้งสำหรับธุรกิจเมื่อ 10 เดือนที่แล้ว จนขณะนี้เรามีฐานลูกค้ามากกว่า 5 ล้านราย สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศแรกๆ ที่ใช้และยอมรับในคลาวด์ แต่แน่นอนว่ายุโรปก็ตื่นตัวในเทคโนโลยีนี้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็แพร่หลายไปยังตลาดเกิดใหม่อย่างรวดเร็วเช่นกัน"
เทอร์เนอร์ เล่าถึง "คลาวด์ คอมพิวติ้ง" ที่เขาเชื่อว่า นี่คือ เทรนด์ของโลกธุรกิจที่จะถูกเปลี่ยนด้วยเทคโนโลยีนี้แบบไม่น่าเชื่อ
เบอร์ 1 ซอฟต์แวร์โลกยกพลบุกเอเชีย
เขา เล่าว่า การเดินทางเยือนเอเชียครั้งนี้ แน่นอนว่าเพราะ "เอเชีย" คือตลาดสำคัญ ซึ่งอาจจะสำคัญมากกว่ายุโรปด้วยซ้ำ เอเชีย คือ ตลาดที่สำคัญที่สุดของโลก
"ไมโครซอฟท์มีดาต้า เซ็นเตอร์อยู่ในสิงคโปร์ และฮ่องกง ดังนั้นเราสามารถนำคลาวด์มาบริการที่นี่ได้เต็มประสิทธิภาพ สามารถให้บริการกับลูกค้าตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง เรามีบริการที่ดีอย่างฮอตเมล ที่ปัจจุบันมีลูกค้าใช้มากกว่า 365 ล้านคน วินโดว์สไลฟ์ 500 ล้านคน เราให้พื้นที่สำหรับเก็บข้อมูล ภาพยนตร์ รูปภาพ มีเสิร์ช เอ็นจิน บิง มีเอ็กซ์บ็อกซ์ ไลฟ์ เทคโนโลยีเหล่านี้ให้บริการอยู่บนคลาวด์ทั้งสิ้น โดยสามารถให้บริการกับธุรกิจขนาดเล็ก ธุรกิจขนาดใหญ่ รวมไปถึงรัฐบาลในประเทศต่างๆ ทั่วโลก"
ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์เน้นเรื่องการลงทุนวิจัย และพัฒนา (อาร์แอนด์ดี) มากเป็นพิเศษ ปีนี้ได้ลงทุนอาร์แอนด์ดีราว 9.5 พันล้านดอลลาร์ ถือว่ามากที่สุดในอุตสาหกรรม
เทอร์เนอร์ บอกว่า สิ่งที่ไมโครซอฟท์พยายามทำ คือ บอกให้ทุกคนรู้ว่าอะไร คือ คลาวด์ คอมพิวติ้ง ทำงานอย่างไร และให้ประโยชน์อะไรกับธุรกิจอย่างไรได้บ้าง
ไทยเป็นประเทศที่มีแนวทางไปถึงจุดนั้นได้อย่างรวดเร็ว คุณมีเครือข่าย มีการเชื่อมต่อ อย่างบริษัททรู ที่เราทำโปรเจคคลาวด์ร่วมกัน ก็มีเครือข่าย 3 จี ที่กำลังเปิดให้บริการ และยังมีลูกค้าในไทยรายอื่นด้วยเช่นกัน แต่ยังคงต้องเร่งสร้างความเข้าใจกับลูกค้าในไทยต่อเนื่องถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้บริการคลาวด์ ซึ่งผมเห็นว่าช่วงจังหวะนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับธุรกิจได้เต็มประสิทธิภาพตลอดทั้ง 365 วัน โดยคลาวด์ ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม เรียกใช้งานได้เท่าที่ต้องการจะใช้ จ่ายแค่เฉพาะที่ใช้งานเท่านั้น"
เทคโนโลยีใหม่จะเกิดจากผู้ใช้งาน
เทอร์เนอร์ บอกว่า จากนี้ไปโลกจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกมากมาย ที่มาจากผู้ใช้งาน เทคโนโลยีต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่าง การเขียนด้วยลายมือ เสียง การสัมผัส การแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง ก็ถูกคิดขึ้นมาเป็นนวัตกรรมให้คนได้ใช้สิ่งเหล่านี้ในการเข้าสู่ระบบต่างๆ
โซเชียล มีเดีย ก็ถือเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญ และเติบโตอย่างรวดเร็ว ไมโครซอฟท์ลงทุนเป็นพันล้านดอลลาร์ในแชร์ พ้อยต์ โปรดักท์ที่หนุนการทำงานด้านโซเชียล เน็ตเวิร์คของธุรกิจ คล้ายๆ กับเป็นเฟซบุ๊ค ขององค์กรธุรกิจ ขณะเดียวกันไมโครซอฟท์ก็เป็นพาร์ทเนอร์สำคัญของเฟซบุ๊ค เรามีความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาเสิร์ช เอ็นจิน บิง ร่วมกับเฟซบุ๊ค ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์มโซเชียล มีเดียสำหรับลูกค้าคอนซูเมอร์
บิล เกตส์ ยังเป็นเบื้องหลังและคนสำคัญ
เทอร์เนอร์ บอกว่า เกตส์ยังเป็นคนสำคัญของไมโครซอฟท์ แม้ว่าเวลาส่วนใหญ่ของเขา จะทุ่มเทให้กับมูลนิธิของเขาเป็นหลักก็ตาม
เกตส์ ยังคงคอยติดตามดูธุรกิจไมโครซอฟท์อยู่ ซึ่งเขานั่งอยู่ในทุกๆ บอร์ดของไมโครซอฟท์ ยังเสนอไอเดียใหม่ๆ แนวคิดใหม่ๆ ให้พวกเราอยู่เสมอ
ผมรักวินโดว์ส โฟนเขา บอก และเล่าว่า เขาใช้วินโดว์ส โฟน ทุกอย่างทั้งรับส่งอีเมล ตารางนัดหมาย และติดต่อสื่อสารกับลูกๆ ของเขา ขณะที่เขาก็ใช้แล็ปทอปในการทำงานด้วยเช่นกัน
'แอ๊ปเปิ้ล' คู่แข่งที่ยิ่งใหญ่
แต่ผมไม่คิดว่า ทุกคนจะหันมาใช้สมาร์ทโฟนอย่างเดียว ผมยังคิดว่า ยังมีตลาดสำหรับพีซีประสิทธิภาพดีๆ อยู่ โดยเฉพาะวินโดว์ส จำนวนพีซีปีนี้อาจจะพุ่งไปถึง 380 ล้านเครื่อง ซึ่งมันมหาศาล และยังคงเติบโต ยังคงมีแอพพลิเคชั่นดีๆ เกิดขึ้น ทั้งพีซี และแล็ปท็อป เพราะผมเองแม้จะมีสมาร์ทโฟน แต่ผมก็ยังใช้แล็ปทอป
เมื่อถามว่า เทอร์เนอร์ มี "ไอแพด" เป็นของตัวเองหรือเปล่า
เขาตอบอย่างรวดเร็ว "ไม่"
"แอ๊ปเปิ้ล เป็นบริษัทคู่แข่งที่ยิ่งใหญ่
ผมคิดว่าการแข่งขันทำให้เราดีขึ้น แน่นอนว่าเราก็มองไปที่โปรดักท์อย่าง สเลท แทบเล็ต เครื่องอ่าน (Readers) ผมคิดว่าเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งเกตส์ ก็เป็นคนแรกๆ ที่แนะนำเทคโนโลยีเหล่านี้ เรากำลังทำ และ ไม่ได้ทิ้งมัน แต่อย่างที่ผมบอกว่าปีนี้ จำนวนพีซีน่าจะไปถึง 380 ล้านเครื่อง เราต้องการให้ทั้งหมดทำงานบนวินโดว์ส นั่นก็เป็นสิ่งที่เราต้องการ" เทอร์เนอร์ ทิ้งท้าย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น