ชี้ระบบการศึกษาที่ดีอาจไม่ใช่ตัวช่วยทั้งหมด วอนประชาชน-
สังคมทุกฝ่ายร่วมกันสร้าง "เด็กเก่ง ดี ใจสุจริต เที่ยงธรรม"
อย่าโยนภาระให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งจัดกิจกรรมแบบครึ่งๆ กลางๆ
ที่หอประชุมกองทัพเรือ วันที่ 22 เม.ย.54 นายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกาถาพิเศษ เรื่อง
"การศึกษาเพื่อสร้างความเป็นพลเมืองกับการปฏิรูปประเทศไทย"
ในพิธีเปิดโครงการ "รวมพลังสร้างความเป็นพลเมือง" ตอนหนึ่งว่า พลเมือง
คือปัจจัยสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม
หรือการเมือง ซึ่งหากสังคมใดมีพลเมืองที่มีคุณภาพ มีความเข้มแข็ง
เป็นคนเก่งและดีปัญหาต่างๆ ก็จะได้รับการแก้ไขอย่างง่ายดาย
รวมทั้งการยกระดับความเป็นอยู่และการมีสังคมที่สงบสุขก็เป็นเรื่องที่จะทำ
ได้ไม่ยาก แต่หากพลเมืองขาดคุณภาพ นอกจากการแก้ปัญหาต่างๆ
ก็จะทำได้ยากแล้วมิหนำซ้ำยังจะเป็นการสะสมปัญหายิ่งขึ้น
ดังนั้นจึงพยายามเน้นเรื่องการยกระดับคุณภาพของพลเมืองมาโดยตลอด
ทั้งนี้ปัจจัยที่เราให้ความสำคัญคือ สุขภาพและการศึกษา
แต่ต้องยอมรับว่าเมื่อสังคมมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น พลเมือง
ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลง และมีความท้าทายใหม่ๆ การปรับตัวก็ทำได้ยาก
ส่งผลให้ปัญหาคุณภาพสะท้อนออกมาในหลายด้านมากขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า
จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง
(กนป.) เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นการประชุมนัดสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้
ได้มีการนำผลประเมินการดำเนินโครงการภาพรวมในรอบ 2
ปีที่ผ่านมานำเสนอ ปรากฏว่าภาพที่สะท้อนออกมามีทั้งดีและไม่ดี โดยพบ
ว่ามีเยาวชนที่ถูกตรวจพบสารเสพติดเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในอัตราที่น่า
เป็นห่วง และเมื่อเปรียบเทียบอายุเด็กต่ำกว่า 18
ปีกับคนในกลุ่มอายุอื่นก็จะพบว่ายิ่งสูงขึ้น
จึงเห็นได้ว่าแม้จะทำกิจกรรมหลายด้าน แต่ก็ยังไม่ได้ผล
ขณะเดียวกันเรื่องการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ในเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 15
ปี มีแนวโน้มที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก ดังนั้นจึงได้เน้นย้ำว่า การจะทำนโยบาย
การจัดกิจกรรมหรือโครงการใดๆ ก็ตาม เราไม่มีสิทธิ์พึงพอใจจนกว่าตัวเลขปัญหาต่างๆ
จะลดลง แต่ทั้งนี้หากสภาพแนวโน้มสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น
ก็คงต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
"การจะแก้ปัญหาของประเทศให้สำเร็จได้นั้น ประชาชนต้องมีส่วนร่วมอย่างมาก
การคาดหวังว่ารัฐบาล
และกลไกของราชการจะแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นถือเป็นเรื่องยาก
ดังนั้นเราจึงต้องพยายามสร้างความเป็นพลเมืองให้เกิดขึ้นทั่วถึง
มีความเข้มแข็งในเรื่องความรู้คู่คุณธรรม
และต้องตระหนักสิทธิหน้าที่ของตนเองในการดำเนินการด้านต่างๆ
เพื่อให้กลไกในการดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน คือตัวประชาชนเอง
โดยต้องมีทั้งความสุจริต และเที่ยงธรรม"
นายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม มีแนวคิดที่อยากจะเน้นย้ำ 2
เรื่องคือ 1.วิธีเรียนรู้การสร้างความเป็นพลเมืองที่ดีที่สุด คือการจัดกิจกรรม
ซึ่งอยากเห็นการดำเนินการที่ต่อเนื่องและจริงจัง
โดยต้องให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้ตนเอง เรียนรู้ด้วยการกระทำ
และเรียนรู้ด้วยกิจกรรม
เพราะเหล่านี้จะทำให้ช่วยซึมซับและมีความพร้อมในการเป็นพลเมืองดีต่อไปใน อนาคต
และ 2.หลายครั้งมีหลายคนพูดว่าเราลืมเรื่องความดี เพราะเน้นความเก่งมากเกินไป
ซึ่งส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่ เพราะความดีและความเก่งอยู่ควบคู่กันไป
ดังนั้นจึงคิดว่าจะต้องส่งเสริมทั้ง 2 เรื่องไปพร้อมกัน
โดยบทบาทของครูอาจารย์เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยตนเอง
เพื่อให้เด็กได้เป็นคนดีและคนเก่ง
http://www.siamrath.co.th/web/?q=node/
52432
++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น