วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

Edu-World/แรงงานไม่มีดีกรี..หายนะใหม่ของลุงแซม

สุมนชยา จึงเจริญศิลป์
แรงงานไม่มีดีกรี..หายนะใหม่ของลุงแซม
============================
หลังจากยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของโลกอย่างสหรัฐฯ
ต้องประสบวิกฤติเศรษฐกิจเล่นงานมาตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
จนถึงขนาดนี้ก็ยังไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า สามารถโงหัวขึ้นได้มากนัก
ล่าสุด สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี)
เพิ่งจะปรับลดระดับมุมมองภาพรวมความน่าเชื่อถือระยะยาวของสหรัฐฯ
จากระดับ "เสถียรภาพ" ไปสู่ "ติดลบ" เพื่อส่งสัญญาณเตือนว่า
ในอนาคตกระแสการเมืองที่ไม่แน่นอนในรัฐบาลวอชิงตันอาจจะเตะถ่วงทำให้รัฐบาล
ภายใต้การนำของ "ประธานาธิบดีบารัก โอบามา"
ไม่สามารถรับมือกับตัวเลขการขาดดุลงบประมาณได้
วิกฤติเศรษฐกิจที่ยังไม่สิ้นสุดของสหรัฐฯ
ส่งผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดจากอัตราว่างงานล่าสุดเมื่อเดือน มี.ค. 2554 ที่ผ่านมา
ยังคงแตะระดับอยู่ที่ร้อยละ 8.8
ขณะที่ สหรัฐฯ ยังคงประสบปัญหาคนล้นงานอยู่นั้น
ก็พบว่ายังมีแรงงานอีกกลุ่มหนึ่งหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดแรงงานอยู่อย่างต่อเนื่อง
คนกลุ่มนี้คือ "ผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย"
โดยคนกลุ่มนี้มีทั้งเลือกจะไม่ศึกษาต่อในระดับวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัย
รวมทั้งไม่สามารถศึกษาต่อได้ด้วย
ทั้งนี้ ในกลุ่มที่ไม่เต็มใจยุติชีวิตการศึกษาส่วนมากยอมรับว่าสาเหตุที่พวกเขาต้อง
เดินเข้าสู่ตลาดแรงงานก่อนเวลาอันควร สาเหตุสำคัญมาจากสถานะทางการเงิน
โดยมีการสำรวจพบว่า ร้อยละ 56
ถูกปัจจัยดังกล่าวบีบคั้นให้ต้องตัดสินใจละทิ้งเส้นทางไปสู่การศึกษาระดับ สูง
"คริสโตเฟอร์ คาดาเร็ต" เด็กหนุ่มวัย 18 ปี ในรัฐเคนตักกี
เป็นหนึ่งในคนกลุ่มนี้ เขามีความสนใจในงานช่าง โดยมีงานอดิเรกซ่อมทีวี
หรือเครื่องเสียงเพื่อความสนุกสนานมาตั้งแต่อายุเพียง 10 ปี
และมีความตั้งมั่นว่าจะทำงานในด้านนี้ แต่จนแล้วจนรอดหลังจบมัธยมปลายมาได้ 4
เดือน จนป่านนี้เขาก็ยังไม่สามารถหางานทำเป็นหลักแหล่งได้
ทั้งนี้ ผลสำรวจโดยเอพี เวียคอม โพลล์ พบ ว่า 4 ใน 10
ของกลุ่มตัวอย่างอายุ 18-24 ปี ที่ออกมาหางานประจำทำเมื่อจบชั้น
ม.ปลาย ปัจจุบันยังเป็นคนว่างงาน ขณะที่มีไม่ถึงร้อยละ 15 เท่านั้น
ที่มีงานชั่วคราวทำเพื่อเลี้ยงชีพ
จากสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ พบว่า
หลังวิกฤติเศรษฐกิจเริ่มต้นเมื่อช่วงปลายปี 2550
เด็กวัยเรียนถูกสภาพบังคับให้ต้องออกมาหางานทำมากขึ้น
โดยพบว่าช่วงเดือน มี.ค. ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ผู้จบการศึกษาชั้น ม.ปลาย
และไม่ได้ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น กลายเป็นผู้ว่างงานกว่าร้อยละ 20
ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ร้อยละ 10 เมื่อเดือน มี.ค. 2550 และร้อยละ
14.5 ของช่วงเดือนเดียวกันในปีถัดมา
ขณะเดียว สำหรับผู้จบการศึกษาระดับวิทยาลัยเป็นอย่างน้อย
มีแนวโน้มที่จะหางานทำไม่ได้น้อยกว่าคนกลุ่มแรก โดยเมื่อช่วงเดือน
มี.ค. ที่ผ่านมา กลุ่มที่มีวุฒิการศึกษาสูงกว่าชั้น ม.ปลาย
ยังพบว่าเป็นผู้ว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 8.5 เท่านั้น
ตัวเลขดังกล่าวนับเฉพาะผู้ที่มองหางานทำจริงๆ จัง ๆ เท่านั้น
ผลสำรวจยังพบว่าเกือบร้อยละ 60 ของผู้จบการศึกษาชั้น
ม.ปลายคิดว่า วุฒิการศึกษาที่เขามีเพียงพอ สำหรับงานทั่วๆ ไป
ที่จะช่วยให้พวกเขามีประสบการณ์พร้อมสำหรับการทำง
านที่พวกเขาต้องการจริงๆ เท่านั้น ขณะที่ เกือบ 4 ใน 10
ของผู้ที่ได้รับการศึกษาโดยการสนับสนุนของครอบครัวนั้น
ยังคงมีความกังวลด้าน ความมั่นคงของสถานะทางการเงิน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวที่มีรายได้น้อยกว่า 4 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี
อย่าง ไรก็ตาม ในอีกมุมมองหนึ่ง
ปัญหาด้านการเงินก็ไม่ใช่เหตุผลเพียงอย่างเดียวที่ทำให้คนเลือกจะไม่เรียน
ต่อ เพราะคนบางกลุ่มกลับเห็นว่า
การออกมาหาประสบการณ์ในโลกจริงก่อนกลับเข้าไปศึกษาต่อในชั้นที่สูงขึ้นเป็น
กุญแจสำคัญไปสู่ความสำเร็จ
"ไอลา ก็อดเฟรย์" วัย 19 ปี จากนอร์ธ แคโรไลนา เป็นหนึ่งในคนกลุ่มนี้
เธอบอกว่า ชีวิตในวิทยาลัยไม่จำเป็นกับเธอ เพราะเธอพร้อมแล้วที่จะออกมาทำงาน
โดยหลังจาก "ก็อดเฟรย์" จบการศึกษาชั้น ม.ปลาย เมื่อปี 2552 เธอใช้เวลาหลายเดือน
และร่อนใบสมัครกว่า 100 ใบ ไปตามร้านเสื้อผ้าต่างๆ และได้งานในที่สุด
ถึงแม้ว่าปัจจุบันเธอจะต้องออกจากงานดังกล่าวแล้วหลังตั้งครรภ์ก็ตาม
ถึงจะมีกลุ่มคนสมัครใจเลิกเรียนต่อเองด้วยเหตุผลต่างๆ อยู่บ้าง
แต่ปัญหาที่รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องจับตามองก็คือ
คนกลุ่มซึ่งประสบปัญหาทางการเงินจนต้องหวนเข้าสู่ตลาดแรงงาน
เพราะเมื่อเข้ามาแล้วน้อยคนนักที่จะมีโอกาสกลับไปศึกษาต่อ
...เมื่อเวลาผ่านไปแม้บรรดาคนกลุ่มนี้จะมีประสบการณ์ในการทำงานเพิ่มขึ้น
แต่ก็ต้องยอมรับว่า "วุฒิการศึกษา" หรือดีกรีก็ยังคงเป็นตัวชี้วัด
หรือใบเบิกทางที่สำคัญที่หลายๆ องค์กรใช้ในพิจารณาในการรับบุคลากร เข้าทำงาน
หรือในการพิจารณาการปรับเลื่อนความก้าวหน้าในหน้าที่การงานอยู่ดี
///////////////////////////
http://www.siamrath.co.th/web/?q=node/53401
+++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น