ได้ให้ความสนใจต่อการผลักดันแก้ไขพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน
เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถจัดการศึกษาได้ด้วยความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้ร่าง
พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ. .... ได้บรรจุไว้ในที่ประชุมวุฒิสภาแล้ว โดยเมื่อวันที่
25 เมษายน 2554 อยู่ในขั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวุฒิสภา
และได้พิจารณาวาระแปรญัตติไปแล้ว ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะไม่มีการแก้ไขร่าง
พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชนอีกแล้ว ดังนั้นเมื่อผ่านวาระ 3 โดยไม่ต้องแก้ไขแล้ว
สามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไทย
จากนั้นจึงจะนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลใช้บังคับในวันถัดไป
จึงเชื่อมั่นว่าร่าง พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ. ....
สามารถบังคับใช้ได้ทันก่อนยุบสภาอย่างแน่นอน
ดังนั้น เมื่อร่าง พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ. .... มีผลบังคับ
จะส่งผลให้เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนมีฐานะเทียบเท่าอธิบดี
หรือระดับ 10ซึ่งจะช่วยให้อำนาจบริหารจัดการการศึกษาเอกชนขับเคลื่อนได้อย่างเต็ม
ศักยภาพ
นอกจากนั้นจะช่วยทำให้โรงเรียนเอกชนไม่ต้องส่งเงินผลกำไรจากการดำเนินกิจการ
ของโรงเรียนในระบบเข้ากองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบอีกต่อไป
รวมทั้งจะมีการปรับปรุงชื่อโรงเรียนอาชีวศึกษาเอกชนต่างๆ
เทียบเท่าเป็นวิทยาลัยอาชีวะ โดยรัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณโครงการเรียนฟรี
15 ปีอย่างมีคุณภาพให้มากขึ้น
โดยเฉพาะเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวซึ่งจะได้รับจัดสรรจำนวนมากถึง 19,000
ล้านบาท ส่วนหนังสือเรียนก็ได้รับจัดสรรฟรี โดยไม่ต้องยืมเรียนอีกต่อไป
นโยบายต่างๆ ที่ผ่านมายืนยันได้ชัดเจนว่า
ศธ.ให้ความสำคัญดูแลการขับเคลื่อนการศึกษาเอกชนทุกระดับทุกประเภท
รวมทั้งการศึกษาทางเลือกด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐบาลเร่งรัดข้อกฎหมาย พร้อมทั้งจัดสรรงบประมาณต่างๆ
เพื่อพัฒนาคุณภาพโรงเรียนเอกชนแล้ว
ขอฝากให้เน้นเรื่องคุณภาพการจัดการศึกษาให้มากขึ้นด้วย
เพราะที่ผ่านมาได้รับเรื่องร้องเรียนคุณภาพการอนุมัติหลักสูตรของโรงเรียน
นานาชาติ จึงฝากให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)
และผู้เกี่ยวข้องได้ติดตามตรวจสอบและปรับปรุงแก้ไขต่อไปด้วย
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?
newsid=1303798208&grpid=&catid=19&subcatid=1903
+++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น