วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

เส้นทางสายพัฒนาของเด็กไทย โลกของอาชีวศึกษาใกล้ตัวมากที่สุด (รายงานพิเศษ)

แนวหน้า
บอกตรงๆนะครับ(อย่าโกรธกัน)... ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เป็นเพราะ นโยบายของ รัฐบาลชุดนี้ที่มีต่อ การศึกษาของเด็กไทย หรือ เป็นเพราะ คนไทยถึงทางตันด้านการศึกษาแล้ว...จึงทำให้ "เส้นทางของการศึกษา" จำเป็นต้อง ตื่นตัว และ ผู้บริหาร หรือ ผู้นำทางนโยบายของการศึกษา จะต้อง "ทำการพัฒนาการศึกษาอย่างจริงจัง" มิฉะนั้นคนไทยจะกลายเป็น "ประเทศที่ด้อยการศึกษา" ภายในช่วงเวลาไม่เกิน 10 ปี ข้างหน้า
เพื่อให้เกิดความสบายใจ และเพื่อ ยกระดับคุณค่าของผู้นำประเทศ ผมขอ สรรเสริญ การพัฒนาการศึกาของวเยาวชนไทย ด้วย ปฐมมูล ที่ว่า เป็นเพราะ นโยบายของรัฐบาล ก็แล้วกันนะครับ เพราะ มีเหตุ มีผล ที่จะมองได้ในมุมนี้หลายอย่าง อาทิ...
ข้อมูลที่ นางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยให้ทราบทางสื่อสารมวลชนว่า ได้เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบกลาง ในวงเงิน 550 ล้านบาท แบ่งเป็นการจัดการศึกษาตามโครงการเรียนฟรี 15 ปี จำนวน 400 ล้านบาท และค่าจ้างครูช่าง เพิ่มเติมประมาณ 1,000 อัตรา วงเงิน 150 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนหันมาเรียนสายอาชีวะมากขึ้น แสดงว่า การศึกษา ทางสายอาชีวศึกษา จะได้รับการสนับสนุน และพัฒนาอย่างแน่นอน
เรื่องเกี่ยวกับ การส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพการเรียนทางสายอาชีวศึกษานี้ พบเห็นได้อย่างหนาตา และ ได้เห็น หนาหูมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การจัดงาน เกี่ยวกับ การอาชีวศึกษาในหลายจังหวัด หรือ การโฆษณา ประชาสัมพันธ์งานของ อาชีวศึกษาในสื่อสารมวลชนต่างๆ
โดย กระทรวงศึกษาธิการ" เดินหน้ายกเครื่องอาชีวะ ส่งโครงการปรับภาพลักษณ์ครั้งยิ่งใหญ่ จากภายในสู่ภายนอก แสดงพลังช่างฝีมือไทยอันเป็นที่ต้องการของตลาดระดับประเทศและระดับโลก ดันน้ำดีไล่ภาพเก่านักเรียนนักเลง ปั้นฟันเฟืองเล็ก รวมพลังครั้งใหม่สู่เศรษฐกิจไทยที่เข้มแข็ง อย่างต่อเนื่อง ทำให้ ภาพลักษณ์ของการเรียนในสายอาชีวศึกษา กลายเป็น ที่จับตามองของ พ่อแม่ และ นักเรียนมากขึ้น
และทำให้ เกิดมีน้ำหนักมากยิ่ง เมื่อ นางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้พูดถึง นโยบาย และโครงสร้าง ในการศึกษา สายอาชีวศึกษา หลายอย่าง อาทิ เปิดเผยถึง การให้งบประมาณ จ้าง ครูช่าง เพิ่มเติมประมาณ 1000 อัตรา ด้วยวงเงิน 150 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนหันมาเรียนสายอาชีวะมากขึ้น และนอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กำลังประสานสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เพื่อขออัตราบรรจุครูช่างเพิ่มเติม รวมทั้งจะประสานกับสำนักงานเลขาธิการคุรุสภายืดหยุ่นเรื่องใบอนูญาตประกอบ วิชาชีพครูช่าง ให้สามารถสอบบรรจุได้ทันในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2554 ด้วย
แบบนี้แสดงว่า การเรียนการสอน และ แนวทางในการพัฒนาคุณภาพ พัฒนาศักยภาพของ นักเรียนอาชีวศึกษาจะต้อง ทัดเทียม หรือ อาจจะดีกว่า การศึกษา ในสายอื่นๆได้อย่างไม่ยากนัก
คุณ นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การขับเคลื่อนไปของเศรษฐกิจ อันนำมาซึ่งพัฒนาการชีวิตของคนไทย อุตสาหกรรมหลักทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ เป็นฟันเฟืองใหญ่ในการผลักดันการเติบโต ขณะที่กลุ่มแรงงานหรือช่างฝีมือ เปรียบเสมือนฟันเฟืองขนาดเล็กอีกมหาศาลจะเป็นปัจจัยคอยส่งพลังไปยังฟันเฟือง ขนาดใหญ่ให้เกิด การก้าวไป ดังนั้น ฟันเฟืองใหญ่ ย่อมขาด ฟันเฟืองขนาดเล็กไม่ได้อย่างแน่นอน และ ฟันเฟืองขนาดเล็กนี่เอง คือ นักเรียนที่ กำลังเรียนอยู่ใน ภาคอาชีวศึกษา
ปัจจุบันมีสถาบันอาชีวศึกษาที่ขึ้นอยู่กับกระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้ความดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และกระทรวงศึกษาธิการ 415 แห่ง และอีก 420 แห่ง เป็นสถาบันเอกชน
หากจะยึดถือเอาความเติบโต ในภาคอุตสาหกรรมเป็นหลักการดำเนินชีวิตของคนในชาติ และ หากมองว่า ประเทศต้องมีการก้าวไปอย่างยั้งไม่หยุดของภาคอุตสาหกรรม บอกได้คำเดียวว่า ตลาดแรงงานจะต้อง โต และ ใหญ่ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น สิ่งที่ตลาดแรงงานต้องการมากที่สุด เพื่อยังชีพให้ตัวเองอยู่ได้ ก็คือ แรงงานที่มีคุณภาพ คือ แรงงานที่ก้าวออกมาจาก สถาบันการศึกษาทางด้าน อาชีวศึกษา นั่นเอง
ด้วยเล็งศักยภาพของตลาดแรงงานที่กำลังเติบโตและเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งใน และต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการจึงต้องการผลักดันให้คนรุ่นใหม่ ที่สนใจในสาชาวิชาช่าง และต้องการพัฒนาความรู้และทักษะของตัวเอง หันมาศึกษาในสถาบันอาชีวศึกษามากขึ้น พร้อมทั้งสร้างภาพลักษณ์ใหม่ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการศึกษาในรูปแบบอาชีวะ และสร้างการยอมรับจากสังคม
ที่ผ่านมาอาชีวศึกษา อาจจะมีภาพลักษณ์ในด้านลบ จากปัญหานักเรียนตีกัน ซึ่งแท้จริงแล้ว เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในบางส่วนเท่านั้น ขณะที่ศักยภาพของนักเรียนอาชีวะ เป็นที่ประจักษ์ผ่านผลงานระดับชาติและระดับโลกแล้วว่า อยู่ในขั้นแนวหน้าของโลก ดังที่เราจะได้ยินและได้เห็นจากผลงานประกวดแข่งขันที่ นักศึกษาไทยไปชนะการแข่งขันทาง ช่างฝีมือมาจากประเทศต่างๆทั่วโลก
โครงการ "ส่งเสริมภาพลักษณ์ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา" จึงเกิดขึ้น เพื่อปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้กับการศึกษาในสายอาชีพ ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังต้องการอย่างมากทั้งใน
และต่างประเทศ เพิ่มความภาคภูมิใจให้กับผู้เรียน และเกิดการยอมรับในสังคมวงกว้าง พร้อมทั้งการพัฒนาระบบการเรียนการศึกษาในเมืองไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่ง ขึ้น
นางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผย อีกว่า นักเรียนอาชีวะ ถือเป็นกลุ่มสำคัญสำหรับผลักดันระบบเศรษฐกิจไทย เปรียบเสมือนเพชรที่รอการเจียระไนที่ส่งประกายแสง แต่ปัญหาของอาชีวศึกษายังมีปัญหาอีกหลายด้าน โดยโครงการนี้จะทำการปรับโฉมอาชีวะใหม่ ต้องมุ่งพัฒนาใน 4 ด้านหลักใหญ่ อัน ประกอบด้วย ด้านการพัฒนาคุณภาพนักศึกษา ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมการแสดงศักยภาพของนักศึกษาในสาขาวิชา ต่างๆ , ด้านการพัฒนาครูอาชีวะยุคใหม่ ด้วยการพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาในรูปแบบใหม่ , ด้านการพัฒนาสถานศึกษา ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการเรียนการสอน มุ่งเน้นให้สถานศึกษาเป็นแหล่งเรียนรู้ใหม่ที่มีความทันสมัยในวิชาชีพ และ ด้านการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการใหม่ เน้นการกระจายอำนาจ การพัฒนาระบบบริหารจัดการ การเพิ่มโอกาสทางการศึกษาอย่างมีคุณภาพ รวมทั้งการมีส่วนร่วมจัดการศึกษาของสถานประกอบการชุมชน
ท่านรัฐมนตรี ช่วยกระทรวงศึกษาธิการ(คนสวย) ยังอธิบายเพิ่มเติมให้ทราบต่อไปว่า ทั้งนี้การปรับภาพลักษณ์ของการศึกษาอาชีวะ ต้องเริ่มจากความเข้าใจของผู้เรียน ผู้ปกครอง และคนในสังคม โดยชี้ให้เห็นว่า ช่างฝีมือ ไม่ได้เป็นเพียงความรู้พื้นฐานที่ทุกคนสามารถเรียนรู้เองได้ อย่างการทำอาหาร ซ่อมรถ เย็บผ้า ฯลฯ แต่ช่างฝีมือ คือ ผู้ที่มีความรู้ในสาขาวิชาของตนเองอย่างถ่องแท้ สามารถใช้ในการประกอบอาชีพ และต่อยอดสู่การเป็นเจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบการในระดับ SMEs ได้ โดยมีจรรยาบรรณของสายอาชีพนั้นๆคอยกำกับดูแล
สิ่งเหล่านี้ จะดำเนินการควบคู่ไปกับปรับระบบการเรียนการสอนของสถาบันอาชีวะ พัฒนาครู และสถานศึกษา สำหรับปัญหาของการรับรองคุณวุฒิทางด้านการศึกษา กระทรวงฯมีแผนการผลักดันให้เกิดคุณวุฒิวิชาชีพภายใน 2 ปีนี้อีกด้วย โดยระบบคุณวุฒิวิชาชีพนี้เจะเป็นส่วนสำคัญของการปฎิรูปการศึกษา เพื่อศึกษา พัฒนา และ รับรองมาตรฐานให้แก่ผู้เรียนสายอาชีพทั้งในและนอกระบบ เพื่อก้าวสู่มาตรฐานตลาดแรงงานสากล ต่อไปผู้ที่เรียนจบอาชีวศึกษาจะเป็นผู้มีคุณภาพ มีรายได้ดี และเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานทั้งในและต่างประเทศ
ขอยืนยันว่า อาชีวะในปัจจุบัน ถือว่าเป็นสถานศึกษาที่สามารถผลิตบุคลากรป้อนเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ทั้งใน ระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับโลก โรงงานอุตสาหกรรมจากประเทศต่างๆ อาทิ ยุโรป ญี่ปุ่น จีน ฯลฯ จะเดินทางเข้ามาเยี่ยมชมสถาบันอาวีวะในประเทศไทย เพื่อดึงแรงงานไปยังต่างประเทศ เช่นเดียวกับบริษัทใหญ่ในประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงการยอมรับในด้านฝีมือ ซึ่งคนไทยอาจจะมองข้ามไป โดยมองเห็นเพียงด้านลบของปัญหานักเรียนตีกัน ซึ่งเป็นเพียงปัญหาในพื้นที่ส่วนน้อยจากสถาบันอาชีวะ เท่านั้น
ปัจจุบัน ตลาดแรงงาน มีความต้องการอย่างสูง ในบุคลากรที่ ประกอบด้วย ช่างกลโรงงาน ช่างเชื่อม เทคนิคการผลิต เทคนิคอุตสาหกรรม ช่างก่อสร้าง งานประติมากรรม จิตรกรรม เครื่องเคลือบดินเผา การจัดการโลจิสติก ผ้าและเครื่องแต่งกาย อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม เทคโนโลยีและสารทนเทศ เครื่องกลเกษตร พาณิชย์นาวี อุตสาหกรรมการต่อเรือ
โดยสาขาวิชาที่อาชีวะเปิดสอน ประกอบด้วย อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม ศิลปกรรม
คหกรรม เกษตรกรรม ประมง อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมสิ่งทอ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
เมื่อแยกย่อยแต่ละสาขาไปแล้วจะพบว่า มีช่างมือแรงงานที่มีแนวโน้มเติบโตดีมากในลำดับต้นๆ อาทิ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี ช่างฝีมือด้านอัญมณี การควบคุมเรือประมง เป็นต้น
สำหรับกลยุทธในการปรับภาพลักษณ์ของอาชีวะศึกษา ทางภาครัฐจะใช้ทั้งรูปแบบของการปรับภายในสถาบันและตัวบุคลากรที่เกี่ยวข้อง และการปรับภายนอก หรือ สู่สังคม ผ่านกิจกรรมต่างๆที่จะเกิดขึ้นตามมาอีกเป็นระยะ โดยมีเครื่องมือสื่อสารเข้ามาเป็นตัวเชื่อมโยง อาทิ การผลิตภาพยนตร์โฆษณาส่งเสริมภาพลักษณ์ ออกอากาศทางโทรทัศน์และโรงภาพยนตร์ การประชาสัมพันธ์โดยสื่อมวลชนที่ลงไปสัมผัสพื้นที่จริงผ่านกิจกรรม Press Tour รวมทั้งเครื่องมือสื่อสารอื่นๆ ทั้งรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์
ด้วยความตั้งใจของภาครัฐและการสนับสนุนของภาคเอกชน รวมทั้งการมีส่วนร่วมของคนในสังคมน่าจะผลักดันให้โครงการเปิดโลกทัศน์ใหม่ สำหรับอาชีวะประสบความสำเร็จดังประสงค์ เพื่อจะเป็นการ ต่อยอดระบบการศึกษาไทยทางสายอาชีวศึกษา ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นเส้นทางของการพัฒนาชีวิตและสังคมที่ยั่งยืนต่อไป
ชนิตร ภู่กาญจน์


http://www.naewna.com/news.asp?ID=257317

+++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น