วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

รายงานพิเศษ / กศน.เพื่อน “ดอกเลา” ส่งสัญญาณเตรียมพร้อมสู่สังคม “วัยสูงอายุ”

สยามรัฐ
วารินทร์ พรหมคุณ

 
กศน.เพื่อน ดอกเลา
ส่งสัญญาณเตรียมพร้อมสู่สังคม วัยสูงอายุ

     องค์การสหประชาชาติ ได้ให้นิยาม ประเทศใดมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นสัดส่วนเกินร้อยละ 10 หรืออายุ 65 ปีขึ้นไป เกินร้อยละ 7 ของประชากรทั้งประเทศแล้ว ต้องพึงตระหนักว่า ประเทศนั้นๆ กำลังก้าวไปสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society)โดยสมบูรณ์
      สำหรับประเทศไทย การคาดการณ์ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ศสช.) ประเมินไว้ว่า อัตราการเกิดของจำนวนประชากรไทยจะค่อยๆ ลดลงจากในปี 2551 สถิติอยู่ 66.48 ล้านคน ปี 2568 จะลดลงเป็น 70.65 ล้านคน และในปี 2573 และอยู่ที่ 70.63 ล้านคนโดยประมาณ
      ทั้งนี้ เมื่อวิเคราะห์ถึงสัดส่วนประชากรของคน 3 วัย จะพบว่า ประชากรวัยเด็ก (อายุ 0-14 ปี) มีอัตราลดลงอย่าง สม่ำเสมอจาก 15.95 ล้านคน ในปี 2533 เหลือเพียง 9.54 ล้านคน ในปี 2573 ประชากรวัยทำงาน (อายุ 15-59 ปี) มีอัตราเพิ่มจาก 34.59 ล้านคน ในปี 2533 เป็น 46.34 ล้านคน ในปี 2560 จากนั้นจะลดลงเป็นลำดับเหลือ 43.35 ล้านคน ในปี 2573
     ขณะที่ภาพรวมของประชากรวัยสูงอายุ จะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดเป็น 3 เท่า จากในปี 2533 อยู่ที่ 4.02 ล้านคน เพิ่มเป็น 17.74 ล้านคน ในปี 2573 และหากดูตามนิยามของสังคมผู้สูงอายุแล้ว ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาตั้งแต่ปี 2547 ...และจะเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ในปี 2567
     เมื่อถึงวันนั้น คนวัย 60 ปีขึ้นไป จะมีมากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ
     ซึ่งตัวเลขนี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการเตรียมการเพื่อรองรับโครงสร้างของสังคมที่จะ เปลี่ยนแปลงไป เพราะในอนาคตไม่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้นที่จะมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น แต่จะเป็นภาวะการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นผู้สูงอายุ ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี
     กศน. หรือ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เป็น หน่วยงานหนึ่งของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ส่งเสริมการศึกษาสำหรับผู้สูงอายุ โดย กศน.ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาผู้สูงอายุ ใน 5 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 1.การเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นผู้สูงอายุ 2.การส่งเสริมและพัฒนาผู้สูงอายุ 3.ระบบการคุ้มครองทางสังคมสำหรับผู้สูงอายุ 4.การบริหารจัดการและการพัฒนาบุคลากรผู้ดำเนินงานเกี่ยวกับผู้สูงอายุ และ 5.การประมวลผลการพัฒนาเผยแพร่และประเมินผลการดำเนินงานสำหรับการศึกษาผู้สูง อายุ
     ...5 ยุทธศาสตร์สำคัญ เพื่อรองรับผู้สูงอายุกว่า 10 ล้านคน ในอีก 10 ปีข้างหน้า
     นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการ กศน. ขยายความถึงบทบาทในสหัสวรรษหน้าว่า เป็นความท้ายทายอย่างมาก ที่จะทำอย่างไรให้คนสูงวัย อยู่ในสังคมได้ด้วยตนเอง และอยู่อย่างมีคุณภาพ มีความสุขทั้งกายและใจ
     การจัดการศึกษาสำหรับผู้สูงอายุ จะเป็นภารกิจหลักอีกด้านหนึ่งของ กศน.ที่ จะต้องให้ความรู้กับผู้สูงอายุ ซึ่งตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 28 กันยายน 2547 ระบุไว้ว่า กิจกรรมที่กระทรวงศึกษาธิการ จะต้องทำให้สูงอายุ คือ การให้ข่าวสารข้อมูลที่จำเป็น ต้องให้บริการการศึกษา ต้องสนับสนุนให้สื่อที่อยู่ในความรับผิดชอบมีช่องทางสำหรับผู้สูงอายุ เช่น มีรายการสำหรับผู้สูงอายุ มีกิจกรรมที่สถานศึกษาทำร่วมกับผู้สูงอายุ ตลอดจนการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ เป็นต้น
     ประเด็นที่น่าสนใจและมิอาจละเลยได้ ทั้งคนวัยหนุ่มสาว วัยทำงาน และวัยดอกเลาเอง ควรพึงตระหนัก นั้นคือเรื่อง แหล่งรายได้หลังวัยเกษียณ เพราะต้องยอมรับว่า 1 ใน 3 ของผู้สูงอายุในสังคมไทยนั้น เป็นคนแก่ที่ยากจนอยู่ในชนบทอย่างแล้งแค้น มีเพียงส่วนน้อย ที่มีเงินออม เงินบำนาญของดูแลตัวเองยามเจ็บไข แต่นั้นก็อาจไม่เพียงพอที่จะใช้จ่าย...จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ
     สิ่ง ที่ กศน.วางแผนและเตรียมการไว้เพื่อผู้สูงอายุ คือ เรื่องของการเตรียมตัวกับการเป็นผู้สูงอายุ การฝึกอบรม เพื่อเตรียมความพร้อมเรื่องการประกันรายได้ในอนาคตสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่มี เงินบำเหน็จบำนาญ ซึ่งจะมีการฝึกอาชีพให้แก่ผู้ที่เตรียมตัวเป็นผู้สูงอายุ ซึ่งขณะนี้ กศน.กำลังพัฒนาหลักสูตรที่เรียกว่า "หลักสูตรวิชาทำมาหากิน" ซึ่งทำอะไรขายก็ได้เพื่อให้มีรายได้ให้เหมาะสมกับวัย นอกจากนี้ยังมีคอร์สเพื่อให้ความรู้ผู้สูงอายุในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง การใช้ชีวิตบั้นปลายในวัยที่สูงอายุจะทำอย่างไร เพราะหัวใจของเศรษฐกิจพอเพียงคือการพึ่งตัวเองได้ ตลอดจนเรื่องของสุขภาพอนามัย อาหารการกิน การออกกำลังกาย
     เลขาธิการ กศน. กล่าวและว่า นอกจากนี้ยังมีเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เรื่องของกิจกรรมทางสังคม ว่าผู้สูงอายุจะก้าวเข้าสู่สังคมได้อย่างไร เพราะในต่างประเทศผู้สูงอายุที่มีความรู้ก็จะมีบทบาททางสังคม คือ การเป็นอาสาสมัคร ซึ่ง กศน.ก็จะมีอาสาสมัคร 2 ประเภท คือ อาสาสมัคร กศน. และ อาสาสมัครส่งเสริมการอ่าน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้สูงอายุเข้ามาเป็นอาสาสมัคร มาดูแลห้องสมุด ศูนย์การเรียนชุมชน กศน.ตำบล บางคนก็มาเป็นวิทยากรสอนภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นต้นถือเป็นการสร้างบทบาทให้รู้สึกถึงคุณค่าในตัวเอง มิได้เป็นภาระของลูกหลาน
     “กศน.กำลัง หารือกันว่าน่าจะมีรายการวิทยุโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับผู้สูงวัย เพราะตอนนี้วิทยุศึกษามีรายการสำหรับผู้สูงอายุแล้ว ซึ่งเน้นเนื้อหาเกี่ยวกับสังคม ศิลปวัฒนธรรมที่ผู้สูงอายุทำได้ แต่ในอนาคตจะเปิดกว้างให้ผู้สูงอายุเข้ามาจัดรายการเองได้ อย่างไรก็ตาม หลักสูตร กศน.ทุกหลักสูตร ไม่ปิดกั้นผู้สูงอายุเข้ามาเรียนรู้ ซึ่งขณะนี้มีผู้สูงอายุ มาเรียนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประมาณ 2,000 คน และ กศน.กำลังจะเปิดเว็บไซต์ การศึกษาสำหรับผู้สูงอายุเพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถเรียนรู้ผ่านอีเลิร์นนิ่งได้ด้วยเลขาธิการ กศน.กล่าว
     แม้ยุทธศาสตร์ของ กศน.จะถูกฉายภาพชัดเจน แต่ก็ยังมีคำถามน่าสนใจว่า ภารกิจในการเตรียมรับมือ สังคมสูงวัย ณ ขณะนี้ยังเป็นเรื่องที่ต่างคนต่างทำขาดคนกลาง ในการประสานงาน อีกทั้งปัญหาใหญ่ คืองบประมาณ ที่ไม่ได้จัดสรรไว้เป็นการเฉพาะ ตลอดจนการสร้างความเข้าใจแก่ สถาบันครอบครัว ซึ่งถือเป็นหัวใจหลัก ที่จะทำหน้าที่ดูแล ผู้สูงวัย โดยมิผลักไสไปไกลตัว ด้วยข้ออ้างที่ว่า มีช่องว่างระหว่างวัย
     หรือแม้แต่เรื่องของ รัฐสวัสดิการ สำหรับวัยดอกเลา ทั้งการเงินและด้านสุขภาพ
     เพราะเรื่องเหล่านี้ต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ซึ่งหากไม่ดูแลกันแต่เนิ่นๆ ก็ไม่วายที่เราจะเดินไปสู่สังคมสูงวัยอย่างงุ่มง่าม!!

**********
http://www.siamrath.co.th/web/?q=node/49498
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น