สยามรัฐ
วารินทร์ พรหมคุณ
กศน.เพื่อน “ดอกเลา”
ส่งสัญญาณเตรียมพร้อมสู่สังคม “วัยสูงอายุ”
สำหรับประเทศไทย การคาดการณ์ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ศสช.) ประเมินไว้ว่า อัตราการเกิดของจำนวนประชากรไทยจะค่อยๆ ลดลงจากในปี 2551 สถิติอยู่ 66.48 ล้านคน ปี 2568 จะลดลงเป็น 70.65 ล้านคน และในปี 2573 และอยู่ที่ 70.63 ล้านคนโดยประมาณ
ทั้งนี้ เมื่อวิเคราะห์ถึงสัดส่วนประชากรของคน 3 วัย จะพบว่า ประชากรวัยเด็ก (อายุ 0-14 ปี) มีอัตราลดลงอย่าง สม่ำเสมอจาก 15.95 ล้านคน ในปี 2533 เหลือเพียง 9.54 ล้านคน ในปี 2573 ประชากรวัยทำงาน (อายุ 15-59 ปี) มีอัตราเพิ่มจาก 34.59 ล้านคน ในปี 2533 เป็น 46.34 ล้านคน ในปี 2560 จากนั้นจะลดลงเป็นลำดับเหลือ 43.35 ล้านคน ในปี 2573
ขณะที่ภาพรวมของประชากรวัยสูงอายุ จะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดเป็น 3 เท่า จากในปี 2533 อยู่ที่ 4.02 ล้านคน เพิ่มเป็น 17.74 ล้านคน ในปี 2573 และหากดูตามนิยามของสังคมผู้สูงอายุแล้ว ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาตั้งแต่ปี 2547 ...และจะเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ในปี 2567
เมื่อถึงวันนั้น คนวัย 60 ปีขึ้นไป จะมีมากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ
ซึ่งตัวเลขนี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการเตรียมการเพื่อรองรับโครงสร้างของสังคมที่จะ เปลี่ยนแปลงไป เพราะในอนาคตไม่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้นที่จะมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น แต่จะเป็นภาวะการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นผู้สูงอายุ ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี
กศน. หรือ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เป็น หน่วยงานหนึ่งของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ส่งเสริมการศึกษาสำหรับผู้สูงอายุ โดย กศน.ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาผู้สูงอายุ ใน 5 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 1.การเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นผู้สูงอายุ 2.การส่งเสริมและพัฒนาผู้สูงอายุ 3.ระบบการคุ้มครองทางสังคมสำหรับผู้สูงอายุ 4.การบริหารจัดการและการพัฒนาบุคลากรผู้ดำเนินงานเกี่ยวกับผู้สูงอายุ และ 5.การประมวลผลการพัฒนาเผยแพร่และประเมินผลการดำเนินงานสำหรับการศึกษาผู้สูง อายุ
...5 ยุทธศาสตร์สำคัญ เพื่อรองรับผู้สูงอายุกว่า 10 ล้านคน ในอีก 10 ปีข้างหน้า
การจัดการศึกษาสำหรับผู้สูงอายุ จะเป็นภารกิจหลักอีกด้านหนึ่งของ กศน.ที่ จะต้องให้ความรู้กับผู้สูงอายุ ซึ่งตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ วันที่ 28 กันยายน 2547 ระบุไว้ว่า กิจกรรมที่กระทรวงศึกษาธิการ จะต้องทำให้สูงอายุ คือ การให้ข่าวสารข้อมูลที่จำเป็น ต้องให้บริการการศึกษา ต้องสนับสนุนให้สื่อที่อยู่ในความรับผิดชอบมีช่องทางสำหรับผู้สูงอายุ เช่น มีรายการสำหรับผู้สูงอายุ มีกิจกรรมที่สถานศึกษาทำร่วมกับผู้สูงอายุ ตลอดจนการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ เป็นต้น
ประเด็นที่น่าสนใจและมิอาจละเลยได้ ทั้งคนวัยหนุ่มสาว วัยทำงาน และวัยดอกเลาเอง ควรพึงตระหนัก นั้นคือเรื่อง แหล่งรายได้หลังวัยเกษียณ เพราะต้องยอมรับว่า 1 ใน 3 ของผู้สูงอายุในสังคมไทยนั้น เป็นคนแก่ที่ยากจนอยู่ในชนบทอย่างแล้งแค้น มีเพียงส่วนน้อย ที่มีเงินออม เงินบำนาญของดูแลตัวเองยามเจ็บไข แต่นั้นก็อาจไม่เพียงพอที่จะใช้จ่าย...จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ
“สิ่ง ที่ กศน.วางแผนและเตรียมการไว้เพื่อผู้สูงอายุ คือ เรื่องของการเตรียมตัวกับการเป็นผู้สูงอายุ การฝึกอบรม เพื่อเตรียมความพร้อมเรื่องการประกันรายได้ในอนาคตสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่มี เงินบำเหน็จบำนาญ ซึ่งจะมีการฝึกอาชีพให้แก่ผู้ที่เตรียมตัวเป็นผู้สูงอายุ ซึ่งขณะนี้ กศน.กำลังพัฒนาหลักสูตรที่เรียกว่า "หลักสูตรวิชาทำมาหากิน" ซึ่งทำอะไรขายก็ได้เพื่อให้มีรายได้ให้เหมาะสมกับวัย นอกจากนี้ยังมีคอร์สเพื่อให้ความรู้ผู้สูงอายุในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง การใช้ชีวิตบั้นปลายในวัยที่สูงอายุจะทำอย่างไร เพราะหัวใจของเศรษฐกิจพอเพียงคือการพึ่งตัวเองได้ ตลอดจนเรื่องของสุขภาพอนามัย อาหารการกิน การออกกำลังกาย”
เลขาธิการ กศน. กล่าวและว่า นอกจากนี้ยังมีเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เรื่องของกิจกรรมทางสังคม ว่าผู้สูงอายุจะก้าวเข้าสู่สังคมได้อย่างไร เพราะในต่างประเทศผู้สูงอายุที่มีความรู้ก็จะมีบทบาททางสังคม คือ การเป็นอาสาสมัคร ซึ่ง กศน.ก็จะมีอาสาสมัคร 2 ประเภท คือ อาสาสมัคร กศน. และ อาสาสมัครส่งเสริมการอ่าน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้สูงอายุเข้ามาเป็นอาสาสมัคร มาดูแลห้องสมุด ศูนย์การเรียนชุมชน กศน.ตำบล บางคนก็มาเป็นวิทยากรสอนภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นต้น…ถือเป็นการสร้างบทบาทให้รู้สึกถึงคุณค่าในตัวเอง มิได้เป็นภาระของลูกหลาน
“กศน.กำลัง หารือกันว่าน่าจะมีรายการวิทยุโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับผู้สูงวัย เพราะตอนนี้วิทยุศึกษามีรายการสำหรับผู้สูงอายุแล้ว ซึ่งเน้นเนื้อหาเกี่ยวกับสังคม ศิลปวัฒนธรรมที่ผู้สูงอายุทำได้ แต่ในอนาคตจะเปิดกว้างให้ผู้สูงอายุเข้ามาจัดรายการเองได้ อย่างไรก็ตาม หลักสูตร กศน.ทุกหลักสูตร ไม่ปิดกั้นผู้สูงอายุเข้ามาเรียนรู้ ซึ่งขณะนี้มีผู้สูงอายุ มาเรียนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประมาณ 2,000 คน และ กศน.กำลังจะเปิดเว็บไซต์ “การศึกษาสำหรับผู้สูงอายุ” เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถเรียนรู้ผ่านอีเลิร์นนิ่งได้ด้วย” เลขาธิการ กศน.กล่าว
แม้ยุทธศาสตร์ของ กศน.จะถูกฉายภาพชัดเจน แต่ก็ยังมีคำถามน่าสนใจว่า ภารกิจในการเตรียมรับมือ “สังคมสูงวัย” ณ ขณะนี้ยังเป็นเรื่องที่ต่างคนต่างทำ “ขาดคนกลาง” ในการประสานงาน อีกทั้งปัญหาใหญ่ คือ “งบประมาณ” ที่ไม่ได้จัดสรรไว้เป็นการเฉพาะ ตลอดจนการสร้างความเข้าใจแก่ “สถาบันครอบครัว” ซึ่งถือเป็นหัวใจหลัก ที่จะทำหน้าที่ดูแล “ผู้สูงวัย” โดยมิผลักไสไปไกลตัว ด้วยข้ออ้างที่ว่า “มีช่องว่างระหว่างวัย”
หรือแม้แต่เรื่องของ “รัฐสวัสดิการ” สำหรับวัยดอกเลา ทั้งการเงินและด้านสุขภาพ
เพราะเรื่องเหล่านี้ต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ซึ่งหากไม่ดูแลกันแต่เนิ่นๆ ก็ไม่วายที่เราจะเดินไปสู่สังคมสูงวัยอย่างงุ่มง่าม!!
**********
http://www.siamrath.co.th/web/?q=node/49498
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น