วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

เอกชน-ท้องถิ่นร่วมจัดการศึกษา"องคมนตรี"ชี้แนวโน้มการศึกษาโลก


คมชัดลึก : เมื่อถึงวัยเกษียณ นั่นหมายถึงการได้พักผ่อนอยู่กับลูกหลาน แต่เมื่อ 10 ปีก่อนของ "ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย" นักวิชาการขั้นเทพระดับแถวหน้าของเมืองไทย ที่พรรคการเมืองต่างหมายปอง จนได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาล "คิดเร็ว ทำเร็ว"
ให้กุมบังเหียนงานด้านการศึกษา ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  แต่ฟ้าไม่ปรานีแค่ 3 เดือนก็ถอดใจเปิดหมวกอำลา เพื่อ "รักษาจุดยืน" ที่ยึดความถูกต้องเที่ยงธรรม  ท่ามกลางความรักและอาลัยของคนในแวงวงการศึกษา
 ฟ้ามีตา  "ศ.นพ.เกษม" ได้รับพระบรมราชการโองการโปรดเกล้าฯ  ให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี  นับเป็นมงคลสูงสุดของชีวิต  เมื่อได้ถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  เพราะถือเป็นการรับใช้แผ่นดินไทย  นอกจากงานตามโครงการพระราชดำริแล้ว  "ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย"  วัย 70 ปีในวันที่ 28 เมษายน 2554 ยังเป็นกำลังสำคัญในการปาฐกถาพิเศษ  เผยแพร่แนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง  ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 เหนืออื่นใด  "ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย"  ในฐานะ เลขาธิการมูลนิธิพระดาบส  ได้สละภารกิจเพื่อสะท้อนมุมมองถึงแนวโน้มการจัดการศึกษาเพื่อการพัฒนาชาติที่ยั่งยืนต่อ  "คม ชัด ลึก" ว่าการศึกษามีความสำคัญและจำเป็นมากในสามระดับ  คือระดับบุคคล ระดับชุมชน  และระดับชาติ การศึกษาระดับบุคคลเป็นการสร้างโอกาสให้บุคคลได้พัฒนาศักยภาพของตัวเอง  ให้มีขีดความสามารถดำรงชีพได้
 การศึกษาระดับชุมชน  จะสร้างเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจ  สังคม สิ่งแวดล้อมของประเทศไทยให้ดีขึ้น  จะเห็นได้ว่าชุมชนที่ได้รับการศึกษาจะพัฒนาคนในชุมชนให้สามารถหลุดพ้นจากความยากจนได้  หลุดพ้นจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำได้  การศึกษาจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาในทุกๆ  ด้านของมนุษย์
 การศึกษาในระดับชาติหรือระดับประเทศ  การศึกษาเป็นกลไกหรือเครื่องมือที่สำคัญในการพัฒนาการปกครองในระบอบประชาธิปไตย  ประชาชนที่ด้อยการศึกษาหรือยากจน  ปากกัดตีนถีบก็ยากที่จะดำรงชีพอยู่ได้  เปรียบเหมือนความยากจนเป็นปุ๋ยชั้นดีของการคอรัปชั่น  หากไม่พัฒนาการศึกษาให้ประชาชนก็จะไม่หลุดพ้นจากความยากจนและจะตกอยู่วังวนของการซื้อสิทธิ์ขายเสียง  เกิดปัญหาทุจริตคอรัปชั่นตามมา
 ไม่เพียงเท่านั้น "การศึกษา" ยังมีความสำคัญและจำเป็นต่อมนุษย์ในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม  การศึกษาไม่รอดก็จะเกิดวิกฤติธรรมชาติตามมา  เพราะภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากน้ำมือของมนุษย์  หากมนุษย์รู้จักเรียนรู้ศึกษาสิ่งแวดล้อมก็จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข
"การศึกษาจึงเป็นตัวแปรสำคัญ  ที่ทำให้คนอยู่ดีกินดี  ประโยชน์ของการศึกษาจึงมีคุณประโยชน์มากมายมหาศาล  แต่การจัดการศึกษาต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข  2 อย่างคือ มีคุณภาพ และทั่วถึง  ซึ่งระบบการศึกษาไทยมีมากว่า  100 ปี ตั้งแต่กระทรวงธรรมการ  ประสบความสำเร็จพอสมควรในทุกระดับการศึกษา  ทั้งระดับอนุบาล ประถมศึกษา  อาชีวศึกษา อุดมศึกษา

 แต่การศึกษาของไทยเผชิญกับอัตราเร่งการเจริญก้าวหน้าของประเทศเพื่อนบ้าน  ที่มีอัตราเร่งการเจริญก้าวหน้าด้านการศึกษามากกว่าไทยในอัตราที่แรง  และเร็วในอัตราสูง ทำให้การศึกษาของประเทศเพื่อนบ้านล้ำหน้าไปกว่าประเทศไทย  มีคุณภาพมากกว่า ดีกว่าประเทศไทย

 ถึงวันนี้การจัดการศึกษาเพื่อก้าวไปสู่คุณภาพและทั่วถึงได้  เกินกว่าศักยภาพของกระทรวงศึกษาธิการจะแบกรับภาระเหล่านี้เอาไว้ได้แต่เพียงฝ่ายเดียว  หน่วยงานอื่น หรือองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน  จะงอมืองอเท้าอยู่ไม่ได้  ต้องมาช่วย เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา  เพื่อให้ทั่วถึงประชาชนทุกกลุ่ม"
  ผมอยากฝากให้ภาคเอกชนที่มีความแข็งแกร่งมากพอ  มาร่วมมือร่วมใจจัดการศึกษา  อย่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการเพียงฝ่ายเดียว  เพราะหากรอแต่ภาครัฐ การศึกษาของไทยอาจจะล้าหลังนานาประเทศออกไปเรื่อยๆ"
 แต่เมืองไทยโชคดี  เพราะปัจจุบันมีภาคเอกชนมาช่วยแบ่งเบาภาระในการจัดการศึกษา  จากเดิมเอกชนจะให้เฉพาะทุนการศึกษาหรือช่วยสร้าง  ช่วยซื้ออุปกรณ์การเรียนการสอน  ซื้อหนังสือตำราเรียน รวมถึงการออกทุนจัดสร้างโรงเรียน  แต่มาช่วงระยะหลังภาคเอกชนเข้ามาช่วยในการจัดตั้งมหาวิทยาลัย  เหมือนประเทศสหรัฐอเมริกา  ประเทศจีน ที่เอกชนเข้ามาตั้งมหาวิทยาลัย  มีคณะยานยนต์ คณะช่วงล่าง  คณะพริตตี้รถยนต์ ซึ่งคณะพริตตี้รถยนต์เพื่อการสื่อสารกับลูกค้า  เกิดการผลิตบัณฑิตตรงตามความต้องการธุรกิจ  เรียนจบแล้วมีงานทำ

"ในเมืองไทยก็มีโรงเรียนในโรงงาน  เรียนด้วยทำงานไปด้วย ซึ่งเจ้าของโรงเรียนบอกว่าโรงเรียนในโรงงานเป็นการยกระดับคุณภาพมาตรฐานการศึกษาของคนงาน  ของแรงงานไทย และที่น่ายินดีในประเทศไทยมีภาคเอกชนสนใจงานด้านการศึกษา  มาช่วยแบ่งเบาภาระกระทรวงศึกษาธิการ  เช่นภาคเอกชนกลุ่มซีพี  ที่มีโรงเรียนปัญญาภิวัฒน์  โดดเด่นด้านการค้าปลีก  ผู้เรียนทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย  เมื่อเรียนจบแล้วอยากทำงานต่อที่ซีพีก็ได้  หรือทำงานที่อื่นก็ได้  นี่คือการเปิดกว้างทางการศึกษา  และล่าสุดกลุ่มเนชั่นมัลติมีเดีย  กรุ๊ปที่เข้ามาช่วยจัดการศึกษา  จัดตั้งมหาวิทยาลัยเนชั่น"
 ขณะเดียวกัน  โครงการหนึ่งมหาวิทยาลัยหนึ่งจังหวัด  ควรขยายเครือข่ายออกไปทั่วประเทศอาจจะจับมือกับภาคเอกชนที่สนใจงานด้านการศึกษา  แต่การเข้ามาร่วมของภาคเอกชน  ควรมีความโดดเด่นและแตกต่างจากภาครัฐที่จัดการศึกษา  เช่น อาจจะเน้นทักษะอาชีพ  ใส่ความเชื่อ ใส่อุดมการณ์
 ที่น่ายินดีการจัดการศึกษาโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ร่วมมือกับชุมชนเริ่มเห็นผลในหลายพื้นที่  ดูอย่างการศึกษาในพื้นที่เทศบาลเมืองพัทลุงได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากนายกเทศมนตรีเมืองพัทลุง  จากเดิมโรงเรียนแห่งนี้จะถูกปิดแต่เทศบาลเมืองพัทลุงเข้าไปร่วมจัดการศึกษากับชุมชน
"เดิมโรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียน  40 คน เพิ่มเป็น 400 คน และ  900 คนในปัจจุบัน เพราะพ่อ  แม่ ผู้ปกครองรวมถึงชุมชนเกิดความเชื่อมั่นว่าท้องถิ่นจะจัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพและทั่วถึงให้แก่ลูกหลานของเขา  จึงเกิดความร่วมมือร่วมใจ  นี่คือตัวอย่างที่ดีของการร่วมจัดการศึกษา  เพราะท้องถิ่นมีพลังจัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพ  ดูจากหลักสูตรท้องถิ่นจัดการศึกษาได้ดีกว่าส่วนกลาง  แต่ในเรื่องของคุณภาพก็มีการจัดสอบโอเน็ต  เป็นไม้บรรทัดวัดอยู่แล้ว
 นี่คือแนวโน้มการจัดการศึกษาของโลก  ที่ไม่ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการแต่เพียงอย่างเดียว  แต่ภาคเอกชนที่มีศักยภาพ  ท้องถิ่นที่เข้มแข็งควรมาร่วมจัดการศึกษาได้  แต่เน้นความโดดเด่น เรียนแล้วไม่ตกงาน  ขณะที่รัฐบาลก็มีการส่งเสริม  สนับสนุนท้องถิ่นหรือเอกชนจัดการศึกษา  ผมเชื่อการจัดการศึกษาที่ดีมีคุณภาพทั่วถึงเกิดขึ้นได้  ผมยังเชื่อว่าการศึกษาไทยยังก้าวไกลและมีความหวัง  ยืนอยู่ในเวทีอาเซียนและเวทีโลกได้"  องคมนตรีกล่าวทิ้งท้าย
0 กมลทิพย์  ใบเงิน 0 รายงาน
++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น