วิทยาลัยอาชีวะขนาดเล็กกว่า 200 แห่งเผยยังไร้เด็กสมัครเข้าเรียนต่อ ปวช. ที่นั่งยังเหลืออื้อ!!!
เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 54 นายธีรพัฒน์ คำคูบอน รองประธานสมาพันธ์เครือข่ายอาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการที่ตัวแทนองค์กรเครือข่ายสมาพันธ์ฯ จากทุกจังหวัดทั่วประเทศ จังหวัดละ 1 คน มาเข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับการบริหารจัดการการอาชีวศึกษา เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น จากข้อมูลที่ตัวแทนเครือข่ายอาชีวศึกษาแห่งประเทศไทยรวบรวมเกี่ยวกับการบริหารจัดการของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา( สอศ.) พบว่า ขณะนี้ทาง สอศ. มีการสร้างภาพโดยปราศจากข้อเท็จจริงในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการรับนักเรียน นักศึกษา ในสังกัด สอศ.ประจำปีการศึกษา 2554 ที่ออกมาระบุว่า มีเด็กสนใจสมัครเข้าเรียนจนเกินจำนวนที่ตั้งเป้าไว้ ทำให้ต้องเพิ่มเป้าหมายการรับนักเรียน ซึ่งในความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากยังมีวิทยาลัยขนาดเล็ก และวิทยาลัยการอาชีพ อีกกว่า 200 แห่ง ยังไม่มีเด็กมาสมัครเข้าเรียนเลย และยังมีที่ว่างเหลืออีกเป็นจำนวนมาก
รองประธานสมาพันธ์เครือข่ายอาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ต่างๆ และการจัดกิจกรรมอีกหลายกิจกรรมที่ต้องจับตามองให้ดี เนื่องจากขณะนี้มีการดึงเงินจากวิทยาลัยมาไว้ที่ส่วนกลาง ทำให้วิทยาลัยที่ขาดแคลนอยู่แล้วยิ่งขาดแคลนมากขึ้นไปอีก และยังเกิดเรื่อง 2 มาตรฐานขึ้นในการบริหารงบประมาณด้วย เนื่องจากการจัดสรรงบประมาณจะไปกระจุกตัวอยู่เฉพาะบางวิทยาลัยเท่านั้น ขณะที่วิทยาลัยขนาดเล็ก ยังคงไม่ได้รับการดูแลเหมือนเดิม เละในส่วนของอุปกรณ์การเรียนการสอน ที่ขาดแคลนอยู่แล้วก็ยังขาดแคลนและเดือดร้อนมากขึ้นกว่าเดิม
“ขณะนี้สมาพันธ์เครือข่ายฯได้รวบรวมความผิดปกติที่เกิดขึ้นในการบริหารงานของ สอศ. เพื่อจะจัดส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ สำนักงบประมาณเพื่อขอให้ตรวจสอบ ติดตามสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปแล้ว” นายธีรพัฒน์ กล่าว
อนึ่งก่อนหน้านี้ สอศ.ได้แถลงข่าวถึงการรับนักเรียน นักศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ประจำปีการศึกษา 2554 โดยระบุว่า ขณะนี้มีนักเรียนสนใจสมัครเข้าเรียนต่อสถานศึกษาในสักกัด สอศ. ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) จำนวน 230,000 คน ทำให้ สอศ.จำเป็นต้องขยายจำนวนการรับนักเรียน ปวช. เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิม จำนวน 204,000 คน เป็น 265,000 คน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อของบกลาง จำนวน 550 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตามโครงการเรียนฟรีเรียนดี 15 ปีอย่างมีคุณภาพและเป็นค่าจ้างครูช่างเพิ่มเติมประมาณ 1,000 อัตราด้วย
ที่มา สยามรัฐ
++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น