วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ม.อ.จับมือ มหา’ลัยในมาเลเซีย เสริมแกร่งนักศึกษาสู่สากล

“มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์” (ม.อ.)
นับเป็นสถาบันการศึกษาที่มีความใกล้ชิดกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจและการศึกษา เช่น ประเทศมาเลเซีย
ซึ่งส่งผลดีต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ในระดับมหาวิทยาลัย ทั้งความร่วมมือทางวิชาการและทางด้านศิลปวัฒนธรรม
เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างบุคลากรและนักศึกษาของมหาวิทยาลัยทั้งสองประเทศ
ซึ่งต่างก็เป็นประเทศสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยกัน
โดยความร่วมมือได้พัฒนาจากวิทยาเขตใหญ่สู่วิทยาเขตปัตตานี และวิทยาเขตหาดใหญ่ สู่วิทยาเขตน้องใหม่อย่างเช่น วิทยาเขตตรัง

ในระหว่างปิดภาคการศึกษาภาคฤดูร้อนปีการศึกษา 2553 มหาวิทยาลัยได้ส่งนักศึกษาจากวิทยาเขตตรัง จำนวน 35
คน และ นักศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ จำนวน 20 คน เข้าร่วมโครงการ Study Abroad ณ Universiti Malaya
ประเทศมาเลเซีย เพื่อกระตุ้นให้นักศึกษาได้เรียนรู้การใช้ชีวิตเพื่อปรับทัศนคติที่เป็นสากลเช่นเดียวกับทักษะภาษาต่างประเทศ
อีกทั้งจะช่วยให้นักศึกษาเรียนรู้โลกกว้างและเติบโตขึ้นเป็นบุคลากรที่สามารถเข้าสู่การแข่งขันในระดับนานาชาติ

“ปาณิสา วัฒนากิจจากุล” นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะพาณิชยศาสตร์และการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
วิทยาเขตตรัง หนึ่งในตัวแทนนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ กล่าวว่า อยากจะเข้าร่วมโครงการนี้มาก
ก่อนที่จะจบการศึกษาและออกไปสมัครงาน จึงต้องเลือกที่จะมาหาประสบการณ์ทางด้านภาษา แม้จะเจอปัญหาอุปสรรคบ้าง
ในเรื่องหอพัก แต่ในเรื่องการเรียนจะประทับใจอาจารย์ผู้สอน และทำให้รู้ว่าภาษาสำคัญมาก

“ที่มาเลเซียทุกคนจะพูดได้ 2-3 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาบาฮาซามลายู และภาษาจีน
ทำให้อยากที่จะฝึกฝนและพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้ามากขึ้น อาจารย์ผู้สอนเน้นย้ำว่าอย่าทิ้งภาษาที่เรียนไป ต้องพัฒนาตนเองไปเรื่อย
ๆไปถึงขั้นสูงสุด นั่นเป็นกำไรชีวิตที่จะเรียนรู้ มาเลเซียมีหลายเชื้อชาติทำให้เราได้เปรียบในเรื่องภาษา ที่จะสื่อสารด้วย
ที่มาเรียนเราจะกังวลเรื่องของไวยากรณ์กลัวว่าจะพูดผิด ทำให้ไม่กล้าพูด แต่ที่นี่เขาไม่สนใจ ในชั้นเรียนจะแบ่งเป็น
2 กลุ่มแต่ละกลุ่มจะมีนักศึกษาเกาหลี 4 คน เข้าเรียนด้วย ทำให้เราสามารถเปรียบเทียบในเรื่องการเรียนได้
ว่านักศึกษาเกาหลีจะมีทักษะมากกว่า สามารถสื่อสารได้เลย แต่เรายังต้องแปลก่อน”

ปาณิสา เผยว่า ในชั้นจะเรียนเกี่ยวกับการสัมภาษณ์งาน การกรอกใบสมัครงาน เทศกาลต่างๆ การพูดเมื่อออกสังคม
แนะนำตนเอง อาจารย์จะถามนักศึกษาไทยว่า เรียนภาษาอังกฤษเมื่อใด อายุเท่าไหร่ หนึ่งสัปดาห์เรียนภาษากี่ชั่วโมง
เรียนเกี่ยวกับอะไร ที่นี่ไม่ได้สนใจไวยากรณ์ แต่เน้นที่การสื่อสารกันแล้วเข้าใจ

ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 16-19 เมษายน 2554 ที่ผ่านมา นายชวน หลีกภัย
ในฐานะกรรมการสภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ผู้ทรงคุณวุฒิ ทูตไทยประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์
พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อาทิ รศ.ดร.บุญสม ศิริบำรุงสุข อธิการบดี อาจารย์พิชิต
เรืองแสงวัฒนา รองอธิการบดี รศ.ดร.ธวัช ชิตตระการ รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา รศ.ดร.ฉัตรไชย รัตนไชย
รองอธิการบดีฝ่ายบริการวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ รศ.ดร.ปิติ ทฤษฎิคุณ รองอธิการบดีวิทยาเขตตรัง และผศ.พักตรา คูบุรัตถ์

คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์ เยือนประเทศมาเลเซีย เพื่อเข้าเยี่ยมนักศึกษาโครงการ
Study Abroad ณ Universiti Malaya

นายชวน หลีกภัย กล่าวกับนักศึกษาที่เข้าพบว่า การใช้ชีวิตประจำวันของนักศึกษาไม่ได้มีการใช้ภาษาอังกฤษเลย
รู้ว่ายาก ต่างกับภาษาไทย ซึ่งภาษาไทยเป็นภาษาที่สมบรูณ์ที่สุด ไม่ได้ยืมคำศัพท์ของภาษาอื่น การสื่อสารของนักศึกษา
ทั้งการพูดและการเขียนเป็นภาษาไทย ไม่ว่าหนังสือราชการก็เป็นภาษาไทย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์
ทำให้เราไม่ได้นำภาษาอังกฤษมาใช้ในชีวิตประจำวัน นอกจากว่าเราจะสนใจและชอบพัฒนาตนเอง จะแตกต่างกับประเทศอื่น
แม้เขาจะมีภาษาที่เป็นภาษาของตนเองแต่จะใช้ภาษาอังกฤษเป็นตัวสะกด เช่น เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย เป็นต้น
เพราะฉะนั้นเราจะเสียเปรียบมาก

“จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่คิดมาตลอดว่า ทำไมไม่ใช้โอกาสที่เรามีอยู่กับเพื่อนบ้านที่ดี เช่น มาเลเซียมาทำโครงการร่วมกัน
เพื่อจะให้นักศึกษาของเราได้มาฝึกฝน ใช้ชีวิตกับนักศึกษาต่างชาติ สิ่งสำคัญเราจะฟันฝ่าปัญหานี้ไปได้อย่างไร
ขอให้เข้าใจว่า นั่นคืออุปสรรคทำให้เราได้มุมานะ ถ้าเราฝ่าสิ่งนี้เหล่านี้ไปได้
คนที่จะประสบความสำเร็จในอนาคตเคยผ่านความยากลำบากมาทั้งโลก ไม่มีใครสบายแล้วประสบความสำเร็จ
ยิ่งมีความยากมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีความพยายามมากเท่านั้น อยู่ที่พวกเราต้องคิดให้ได้ ที่ห่วงมากคือพวกเรากลัวความลำบาก
ถ้าเรากลัวความลำบากเราจะไม่ประสบผลสำเร็จ นักศึกษาทุกคนต้องไม่กลัวความยากลำบาก และใช้โอกาสนี้
ให้ดีที่สุดในช่วงระยะเวลา 8 สัปดาห์ หากเรารับอะไรได้มากก็กลับไปตั้งกลุ่มกันฝึกฝนภาษาอังกฤษกันทุกวัน
อย่างที่ใช้กันทุกวันที่นี่ นอกจากนั้นเราต้องอ่านมาก คนเราไม่ได้ประสบความสำเร็จกันทุกคน ขอให้มีความมุมานะพยายาม
กริยามารยาทเด็กไทย มีสัมมาคารวะ ไม่มีใครที่ไม่ชื่นชม สิ่งเหล่านี้ต้องให้ดำรงอยู่ แต่เราต้องไม่อาย พยายามฝึกฝนให้ได้
เป็นกำลังใจให้ทุกคน ”

ด้าน รศ.ดร. บุญสม ศิริบำรุงสุข อธิการบดี ม.อ. กล่าวเสริมว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ส่งนักศึกษาจากวิทยาเขตตรัง
จำนวน 35 คน เข้าร่วมโครงการดังกล่าวระหว่างวันที่ 12 มีนาคม - 7 พฤษภาคม 2554 และส่งนักศึกษาจากคณะนิติศาสตร์
จำนวน 20 คนเข้าร่วมโครงการดังกล่าวระหว่างวันที่ 1 - 28 เมษายน 2554

“นักศึกษาที่มาเรียนจะต้องฝึกฝนเรียนรู้ ต้องเปิดใจรับที่จะเอาสิ่งต่างๆ ตลอดการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่
เด็กที่เรียนอ่อนก็ให้ฝึกฝนหรือพูดฝึกฝนตนเองมากๆก็จะได้กับตัวเอง จะติดตัวเราไปตลอด”

ด้านผศ.พักตรา คูบุรัตถ์ คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์ กล่าวสำหรับเกณฑ์ในการคัดเลือก เป็นนักศึกษาชั้นปีที่
1 - 4 สาขาใดก็ได้ เนื่องจากมีผู้สนใจสมัครเข้ามามากต้องคัดเลือกโดยดูจากประวัติการศึกษา ผลการเรียนประกอบ
และต้องเป็นผู้ที่รักและอยากที่จะพัฒนาเรียนรู้ในวิชาภาษาอังกฤษ และมีความกล้าหาญที่จะไปเผชิญกับโลกภายนอก
โดยมีอาจารย์ภาควิชาภาษาตะวันตกเป็นผู้คัดเลือก ก่อนที่จะมาเรียนมีการทดสอบวิชาภาษาอังกฤษเพื่อจะได้กำหนดวิธีการสอน

เก็บค่าเล่าเรียนเท่ากับการเรียนภาคฤดูร้อนของที่วิทยาเขตตรัง ค่าใช้จ่ายคนละ 7,000 บาท มีการสอบกลางภาค
และสอบปลายภาค เพราะวิชาดังกล่าวที่เรียนนี้นักศึกษาสามารถโอนหน่วยกิตกลับมาที่มหาวิทยาลัยได้ 6 หน่วยกิต
ซึ่งจะเห็นว่าหากนับเป็นจำนวนชั่วโมงแล้วนักศึกษาจะเรียนมากกว่าที่เมืองไทย มีการสอบกลางภาค และสอบปลายภาค
นับเป็นโอกาสที่ดีของนักศึกษา ซึ่งกลุ่มนี้มาเรียนตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2554 และจะกลับประมาณ วันที่ 10 พฤษภาคม
2554

“เป็นประสบการณ์ที่เด็กจะได้รับ หากไม่ได้มาหาประสบการณ์จริง
มาเผชิญกับโลกภายนอกนักศึกษาจะคิดว่าภาษาอังกฤษไม่สำคัญ “ อนาคตสำหรับหลักสูตร 2 ปริญญานั้น
คาดว่าปีการศึกษาหน้าจะจัดทำโครงการการศึกษาที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์หลักสูตร 3+1เ
รียนที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 3 ปี และเรียนที่ University Malaya ประเทศมาเลเซีย หรือ Shanghai
University ประเทศจีน เป็นเวลา 1 ปี หลักสูตรที่สอนเป็นวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ ซึ่งได้มีการเจรจากันแล้ว ”
ผศ.พักตรากล่าว

http://manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9540000050853

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น